คำสั่งเด้ง พลตำรวจตรีวินัย ทองสอง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ออกจากตำแหน่ง โดยย้ายพลตำรวจตรีคำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 มารักษาการ ผบช.น.แทน ภายหลังจาก แผนขับรถขึ้นภูเขา ของ นช.ทักษิณ ชินวัตร ที่สั่งให้รัฐสภาออกกฎหมายปรองดองแห่งชาติ เพื่อลบล้างความผิดของตัวเอง ต้องล้มเหลวอย่างคาดไม่ถึง เพราะไม่สามารถฝ่าด่านพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไปได้ เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า นช.ทักษิณเลือกที่จะใช้ "หมัดเหล็ก" คือความรุนแรงปราบปราม จับกุม ทำร้าย เข่นฆ่า ผู้ที่คัดค้านการออกกฎหมายปรองดองแห่งชาติ
เพราะมีแต่การใช้กำลัง ใช้ความรุนแรงเข้าสลายการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มพลังอื่นๆ เท่านั้น ที่จะทำให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เดินทางเข้ารัฐสภา เพื่อยกมือโหวตให้กฎหมายนิรโทษกรรมให้ทักษิณ และคืนเงิน 46,000 ล้านบาท ให้ตระกูลชินวัตร ผ่านสภาฯ ได้
พลตำรวจตรีคำรณวิทย์ เป็นตำรวจมือปราบที่โหดเหี้ยม ขึ้นชื่อลือชาในเรื่องวิสามัญฆาตกรรม และการใช้กำลังสลายการชุมนุม ผลงานหนึ่งอันเป็นที่จดจำ ก็คือการใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมของประชาชนที่รวมตัวกันอยู่บริเวณถนนจุติอนุสรณ์ ทางเข้าโรงแรมเจบี หาดใหญ่ เพื่อยื่นหนังสือคัดค้านโครงการโรงแยกก๊าซและท่อส่งก๊าซไทย-มาเลเซีย ต่อ นช.ทักษิณ ซึ่งเดินทางมาประชุม ครม.สัญจร เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ.2545 ส่งผลให้ผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บ ทรัพย์สินเสียหาย
ในเว็บไซต์ยูทิวบ์ (http://www.youtube.com/watch?v=95K8q5s94g4) ซึ่งเป็นเหตุการณ์สลายการชุมนุมในวันนั้น มีนายตำรวจคนหนึ่งที่ไม่ใส่หมวก เดินออกมานอกแผงเหล็กกั้นแล้วเข้าไปกระชากนักศึกษาที่นั่งทานข้าวกันอยู่และโบกมือให้ตำรวจปราบจลาจลเดินออกมานอกแผงเหล็กและเข้าสลายการชุมนุม จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก นั่นแหละคือเขาล่ะ พลตำรวจตรีคำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง
เมื่อรัฐบาลทักษิณสั่งยุบศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. และกองบัญชาการผสมตำรวจพลเรือน ทหารที่ 43 หรือ พตท.43 เมื่อวันที่ 30 เมษายน พ.ศ.2545 ตามคำเสนอแนะของ พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในขณะนั้น และให้โอนความรับผิดชอบด้านปราบปรามไปขึ้นอยู่กับตำรวจแทน มาตรการฆ่าให้หมด ก็ถูกงัดขึ้นมาใช้ ท่ามกลางคำคุยโม้ของ นช.ทักษิณว่าจะแก้ปัญหาโจรกระจอก ให้หมดภายใน 3 เดือน พลตำรวจตรีคำรณวิทย์ ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด นราธิวาส เป็นหนึ่งในมือปราบโจรกระจอก ที่มีบทบาทสำคัญในการจุดชนวนไฟใต้ให้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
การเลือกพลตำรวจตรีคำรณวิทย์มาทำหน้าที่เปิดทางให้กฎหมายปรองดองผ่านสภาฯ จึงเป็นการเลือกคนที่เหมาะกับยุทธศาสตร์ เล่นไพ่ทุกใบ ทำทุกอย่างทั้งบนดินและใต้ดิน ของ นช.ทักษิณที่ใช้มาตลอด เพราะพลตำรวจตรีคำรณวิทย์ เป็นผู้ปฏิบัติประเภท มองตา ก็รู้ใจ รู้ดีว่า ต้องทำอะไร โดยไม่ต้องรอใบสั่งจากฝ่ายการเมือง
หนึ่งวันหลังจากได้รับมอบหมายภารกิจ พลตำรวจตรี คำรณวิทย์ ก็จัดให้มีการฝึกซ้อมการควบคุมฝูงชนของกองร้อยควบคุมฝูงชน กองบังคับการตำรวจอารักขาและควบคุมฝูงชน จำนวน 20 กองร้อย วันรุ่งขึ้น ซึ่งตรงกับวันวิสาขบูชา ก็ประชุมร่วมกับพลตำรวจเอกวรพงษ์ ชิวปรีชา ที่ปรึกษา สบ.10 เรียกตำรวจนครบาลที่เกี่ยวข้องกับการดูแลการชุมนุม มาประชุมกันที่ บช.น.เพื่อประเมินสถานการณ์การชุมนุมและเตรียมความพร้อมของตำรวจที่เกี่ยวข้องในการควบคุมการชุมนุม
ถัดมาอีก 2 วัน ในวันที่ 6 มิถุนายน 2555 พี่เมียทักษิณ พลตำรวจเอกเพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งที่ 315/2555 ตั้งศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อดูแลควบคุม การชุมนุมของประชาน โดยมอบหมายให้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด มีผู้ช่วยระดับเทียบเท่ารอง ผบ.ตร. 2 คน คือ พล.ต.อ.วรพงษ์ และ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ปรึกษา (สบ 10) ผู้ช่วย ผบ.ตร.อีก 3 คน คือ พล.ต.ท.อุดม รักศิลธรรม พล.ต.ท.ประยูร อำมฤต และ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. โดยจะมีการประชุมเพื่อสรุปสถานการณ์ทุกวัน
นอกจากนั้น ยังสั่งการให้กองบัญชาการ กองบังคับการ และสถานีตำรวจทั่วประเทศ เตรียมกำลังพล เตรียมอุปกรณ์ ทั้งกระบอง โล่ รถฉีดน้ำ จัดฝึกซ้อมการสลายฝูงชน เพื่อส่งกำลังมาช่วยเหลือตำรวจส่วนกลาง ในการปราบปราบประชน ที่ต่อต้าน กฎหมายปรองดองแห่งชาติ
จัดทัพกันใหญ่โต ราวกับจะไปรบทัพจับศึก จับผู้ร้ายกันที่ไหน ที่แท้ การตั้งกองบัญชาการ ระดมมือวิสามัญ มือปราบม็อบ ครั้งนี้ เป็นไปเพื่อ พิทักษ์ชินวัตร
สองปีก่อน นช.ทักษิณใช้ชายชุดดำสร้างความรุนแรง เผาบ้าน เผาเมือง เพื่อโค่นล้มรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ วันนี้ เขามาถึงฝั่งแล้ว คนเสื้อแดงถูกถีบหัวเรือทิ้ง นช.ทักษิณ เลือกใช้ "ชายชุดสีกากี"ที่ถือกฎหมาย และถืออาวุธในมือ เพื่อปราบปราม ประชาชน และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จุดไฟในนาครขึ้นมาอีกครั้ง เหมือนที่เคยทำสำเร็จมาแล้ว กับ สามจังหวัดชายแดนภาคใต้