อดีต ส.ว.สรรหา ชี้อัยการสูงสุดปัดคำร้องแก้รัฐธรรมนูญไม่เกินความคาดหมาย ชี้เลือกข้างแล้วใช่หรือไม่ ระบุรีบแก้จัดถ้าไม่เปลี่ยนแปลงแล้วมีนัยอะไร รอลุ้นจะได้ไปแจงศาลหรือไม่ เผื่อได้ตำแหน่งใหม่เหตุสถานการณ์นับถอยหลังสู่ความรุนแรงแล้ว ด้านแกนนำราษฎรอาสาฯ ชี้อัยการส่อขัดรัฐธรรมนูญชัด ด้าน ปธ.คอ.นธ.สับศาลจงใจใช้อำนาจขัดกฎหมาย ส่อโดนถอดได้
วันนี้ (8 มิ.ย.) นายวรินทร์ เทียมจรัส อดีต ส.ว. หนึ่งในผู้ยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุดและศาลรัฐธรรมนูญให้ดำเนินการตามมาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกรณีอัยการสูงสุดมีความเห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ไม่เป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และไม่ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ไม่เกินความคาดหมาย ซึ่งตนยื่นคำร้องไปตั้งนานแล้ว ก่อนหน้านี้เงียบอยู่ และเพิ่งมาสรุปเอาตอนนี้ แสดงให้เห็นว่า งานนี้เลือกข้างแล้วใช่หรือไม่ แต่ศาลรัฐธรรมนูญก็ต้องเดินหน้าพิจารณาไปโดยจะรอดูว่าจะมีคำสั่งออกมาอย่างไร
“ผมขอภาวนาให้พวกเราผ่านวาระ 3 ไปเร็วๆ ตอนนี้ต้องประเมินแล้วว่าศาลจะตายพร้อมผม หรือจะตายพร้อมพวกเขา ดังนั้นจึงอยากให้มีสติกันหน่อย เวลานี้เราเห็นแล้วว่าใครอยู่ข้างใคร เพราะเลือกข้างกันชัดเจนแล้ว และทำไมถึงต้องรีบร้อนทำตอนนี้ เหตุผลถ้าไม่ต้องการเปลี่ยนแปลง แล้วมีนัยอะไร ตอนนี้ก็ต้องลุ้นกันว่า ผมจะได้ไปศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนกรณีคำร้องดังกล่าวในวันที่ 5-6 ก.ค. หรือไม่ ถ้าไม่ได้ไปชี้แจงผมว่าผมต้องได้มีตำแหน่งใหม่ เพราะดูสถานการณ์ค่อนข้างแล้ว ค่อนข้างที่จะนำไปสู่ความรุนแรง ถือเป็นช่วงเวลาที่ต้องนับถอยหลังแล้ว”
ขณะที่ นายบวร ยสินทร แกนนำกลุ่มราษฎรอาสาปกป้อง 3 สถาบัน หนึ่งในผู้ร้องเรื่องเดียวกันกล่าวว่า เรื่องนี้ตนกำลังให้ฝ่ายกฎหมายดูรายละเอียดต่อไปว่าจะมีแนวทางอย่างไรต่อไป เพราะส่วนตัวมองตีความรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ว่า เมื่อมีการยื่นเรื่องผ่านอัยการสูงสุด แม้อัยการฯจะมีความเห็นแย้งกับคำร้องของทางกลุ่มผู้ร้องทั้งหมดก็ต้องส่งต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่หยุดไปเฉยๆ แบบนี้ ถือว่าขัดกับรัฐธรรมนูญอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า เว็บไซต์ http://www.nrlcthailand.org ของกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติ (คอ.นธ.) ได้เผยแพร่ความเห็นของนายอุกฤษ มงคลนาวิน ประธาน คอ.นธ. กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ไว้พิจารณาและมีคำสั่งให้รัฐสภารอการดำเนินการเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้ก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย ตามที่มีบุคคลเสนอคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 นั้น คอ.นธ.เห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่อาจรับคำร้องในกรณีนี้ไว้พิจารณาได้ เนื่องจากการยื่นคำร้องดังกล่าวไม่ถูกต้องด้วยหลักเกณฑ์และกระบวนการ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 รวมทั้งคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ให้รัฐสภารอการดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้ก่อน ไม่ถือว่าเป็นเด็ดขาดและไม่มีผลผูกพันรัฐสภา และการที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้รับคำร้องไว้เพื่อพิจารณา และมีคำสั่งให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรแจ้งรัฐสภาให้รอการดำเนินการเกี่ยวกับการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยโดยไม่มีอำนาจนั้น จึงเป็นการจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติ รัฐธรรมนูญ มาตรา 68 อันเป็นเหตุที่อาจถูกถอดถอนจากตำแหน่งได้