รายงานการเมือง
ยังไงก็จะเอาให้ได้ สำหรับขบวนการกระทำชำเรารัฐธรรมนูญปี 50 กับ ขบวนการคลอดร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ ที่สมุนบ่าว “นายห้าง” ประกาศเดินหน้าลุยไม่สนเสียงคัดค้านจากแนวต้าน ตามอุปนิสัยดื้อแพ่งของ “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ไม่เคยเปลี่ยน
แม้จะเสียหลักไปพักหนึ่ง หลังจากโดน “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ผนึกกกำลังกับแนวร่วมสกัดแผนฟอกตัว “นช.ทักษิณ” สำเร็จไปเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา มิหนำซ้ำยังโดน “ป๊อกสองเด้ง” เมื่อศาลรัฐธรรมนูญใช้มาตรา 68 ระงับยับยั้งการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 3 ไปแบบอึ้งกิมกี่
เบ็ดเสร็จแล้ว ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ ที่กลับกลายเป็น “ปรองเดือด” ในสภาฯ ก็ต้องหยุดกึกไปโดยปริยายแบบไร้กำหนด ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ถูกเบรกเอาไว้ที่วาระ 3 ทำได้ แต่นั่งซดน้ำแห้วรอผลวินิจฉัย
แผนการทั้งสองอย่างที่พรรคเพื่อไทยหมายมั่นปั้นมือเดินหน้าเต็มสูบ ถูก “อัมพฤกษ์” กินไปชั่วขณะ
แต่ตามสัญญาณที่ออกมาจาก “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
จับใจความได้ว่า มีใครบางคนสั่งให้ลุยต่อ!!!
โดยเฉพาะกลุ่มคนเสื้อแดงที่ออกมาโหมกระพือมวลชนตัวเองให้ชิงชัง “ศาลรัฐธรรมนูญ” การเดินหน้าล่ารายชื่อถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 8 คนเรื่อยไปจนถึงยุทธวิธีปิดล้อมศาลรัฐธรรมนูญตามสไตล์ถนัดที่ไว้ใช้ยามมีคนขัดใจตัวเอง
ขณะเดียวกันก็ปลุกระดมมวลชนให้ออกมาชุมนุมหน้ารัฐสภาในช่วง 2 วันนี้ และมีแววจะยืดเยื้อ เพื่อกันท่า “พันธมิตรฯ” ออกมาขัดขวางการดำเนินการเสกกฎหมาย
อ่านเกมแกนนำ นปช.ชนเป็นชน!
ขณะที่การประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันก่อน เหล่าเสนาบดีฝ่ายบุ๋นก็จัดการผละ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ออกจากขบวนการเถื่อน แล้วปล่อยให้คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) เป็นฟันเฟืองในการขับเคลื่อนผ่านกระบวนการรัฐสภา
ตามจังหวะ “เสี่ยแมว” วรวัจน์ เอื้ออภิญญูกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็นตัวเชื่อมกับฝ่ายรัฐสภา สั่ง ส.ส.ใส่เกียร์ห้าเดินหน้าลูกเดียว จะลากจะยื้อให้ยาวจนเกือบจะชนกับการเปิดประชุมสภาสมัยสามัญทั่วไปในวันที่ 1 ส.ค.นี้ก็ยอม เพราะขืนหวั่นไหวยอมเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมสภาสมัยนิติบัญญัติตามคำเรียกร้องของ “ประชาธิปัตย์” เมื่อใด
แฟนคลับจะโห่ไล่ไม่ปลื้ม หาว่า “ปอดแหก” แน่
หันมาดูฟาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ภายใต้การกุมบังเหียนของ “บิ๊กอ๊อบ” พล.ต.อ.เพรียวพันธ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะพี่เขย “นช.ทักษิณ” ก็ดูจะมีสัญญาณคึกคักเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการโยกย้ายนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่เพื่อมารับมือกับ “พันธมิตรฯ” โดยเฉพาะ
ตรวจรายชื่อการโยกย้ายหนนี้น่าสนใจในการวางโครงข่ายกำลังเป็นอย่างยิ่ง ไล่ตั้งแต่ การจับ “พล.ต.ท.วินัย ทองสอง” ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ผู้มีศักดิ์เป็นหลานเขย “หญิงอ้อ-พจมาน ณ ป้อมเพชร” ไปซ่อนไว้ใน สตช. บางกระแสก็ว่าเป็นการกัน “บิ๊กนัย” ออกจากวงล้อมความเสี่ยงและข้อครหา เพื่อเป็นการเปิดทางให้มีการสลายม็อบได้สะดวกโยธินขึ้น ตลอดจนป้องกันการซ้ำรอย “พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” ที่ผิดพลาดสลายการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อเหลืองเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 51
แต่ทว่าอีกกระแสหนึ่งก็เล็ดลอดออกมาว่าเป็นเพราะ “นายห้างดูไบ” อารมณ์บ่จอยที่ “หลานเขยหญิงอ้อ” ดันเอา “พันธมิตรฯ” ไม่อยู่ จนแผนการออก พ.ร.บ.เถื่อน ต้องเป็นหมันไปชั่วคราว
กระทบเป็นลูกโซ่อีกวัน “บิ๊กอ๊อบ” จัดการเด้งฟ้าผ่า “มือปราบหูดำ - พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ” รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ขวัญใจชาวม็อบเข้ากรุไปอยู่ สตช.อีกคน โทษฐานใจดีเกินเหตุ
อย่างไรก็ตาม การขยับของ “ตำรวจ” มีความน่าสนใจไม่น้อยเมื่อคนที่ถูกดึงเข้ามาทำรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเป็นมือปราบสายเหยี่ยวนาม “พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง” รักษาการราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 คนสนิทของ “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” รองนายกรัฐมนตรี
ซึ่งทันทีที่ได้รับบัญชามา “คำรณวิทย์” ก็รีบเดินหน้าปลุกตำรวจออกมายืดเส้นยืดสาย ซักซ้อมแผนการควบคุมฝูงชนกันใหม่ หลังจากร้างรามาร่วม 2 ปี
ผนวกเข้ากับการเรียก “พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว” รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ไปรักษาการเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบยาเสพติดมา (ปปส.) กลับมาดูแลงานด้านความมั่นคงอีกครั้ง และถูกแต่งตั้งให้เป็นหัวหมู่บัญชาการศึกรอบนี้
และยุทธวิธีควบคุมฝูงชนที่ “อดุลย์” เลือกใช้ในครั้งนี้ก็คือ “แผนกรกฎ 52” ที่เจ้าตัวเป็นคนคิดค้นประยุกต์มากับมือตัวเอง
สำหรับ “แผนกรกฎ 52” นั้น เป็นแผนที่พัฒนามาจาก “แผนกรกฎ 48” เคยใช้รับมือม็อบเสื้อแดง-เสื้อเหลือง โดยเฉพาะเหตุการณ์สลายม็อบพันธมิตรฯหน้ารัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 51 ที่เจ้าหน้าที่หลายคนโดนฟ้องเรื่องวินัยแบบกราวรูด ทำให้ต้องพัฒนาแผนนี้ขึ้นมาเพื่อให้เจ้าหน้าที่มีความมั่นอกมั่นใจขึ้น
โดย “แผนกรกฎ 52” จะระบุขั้นตอนการจับกุมอย่างละเอียด เริ่มต้นที่การจับกุมด้วยมือเปล่า การใช้มือเปล่าล็อค หรือบังคับการใช้กุญแจมือ การใช้คลื่นเสียงก่อกวน แต่หากมีการใช้แก๊สน้ำตา แล้วยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์การชุมนุมได้ จะใช้โล่กระบอง กระสุนยาง เครื่องช็อตไฟฟ้าเป็นขั้นตอนสุดท้าย
ส่วนอุปกรณ์ที่ใช้ในการควบคุมสถานการณ์การชุมนุม จะต้องไม่ทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิต ทั้งยุทธวิธี ยุทโธปกรณ์ เครื่องมือกฎการใช้กำลัง และกฎหมายที่เกี่ยวข้องจะยึดตามหลักมาตรฐานสากล เพื่อเป็นหลักประกันให้ตำรวจมีความมั่นใจในการทำงาน โดยการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น จะมีความชัดเจนในตัวผู้รับผิดชอบในการควบคุมฝูงชนมาก
ทั้งนี้ แต่ละขั้นตอน เจ้าหน้าที่จะประกาศผ่านสื่อมวลชนให้ประชาชน และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้ทราบก่อนจะเข้าควบคุมฝูงชน ซึ่งหากองค์กรอิสระเห็นว่าเป็นการละเมิดสิทธิ สามารถยับยั้งเจ้าหน้าก่อนลงปฏิบัติการได้
จัดเต็ม! ทั้งแผนปราบม็อบรัดกุม วางกุนซือบัญชาการเรียบร้อย ส่งสัญญาณพร้อมลุย
เรียกได้ว่า หมากกระดานนี้ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” กะเล่นบล็อกม็อบแนวต้านทั้งสองทาง ด้วยกลไกตำรวจที่มีอยู่ในมือ และมวลชนคนเสื้อแดง ที่ปลุกฮือมาเป็นไม้กันหมาอยู่หน้าสภาฯ
มองท่วงท่า “นช.แม้ว” วินาทีนี้แล้ว เลือดเข้าตา ยังไงเสียก็ต้องวัดดัน “พ.ร.บ.ปรองดอง” ให้ได้ แม้สุดท้ายต้องสลายม็อบจนเป็น “พ.ร.บ.ปรองเดือด” ก็ยอม
เพียงแค่ขอให้ได้ล้างผิดตัวเอง ได้เงินคืน ใครจะเป็นจะตายก็ “Let it be...”