ผู้นำฝ่ายค้านเตือน ปธ.สภาฯ อย่าสร้างปมใหม่ฝ่าฝืนคำสั่งศาล รธน.ลงมติวาระ 3 ทำให้เกิดการเผชิญหน้าในสังคม จี้ “ปู” เลือกข้างระหว่างพี่กับบ้านเมืองอย่าซื้อเวลาเลี่ยงความรับผิดชอบ วอนนายใหญ่-พท.-แกนนำ นปช.ยุติระดมเสื้อแดงขู่อย่าลักไก่ลงมติวาระ3 ยิ่งผิดเติมเชื้อไฟแตกแยก
วันนี้ (6 มิ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายกฎหมายของสภา ระบุยืนยันว่าสามารถเปิดประชุมเพื่อโหวตร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 3 ได้ โดยคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญถือว่าไม่มีผลว่า ตนไม่ทราบว่าฝ่ายกฎหมายของสภานั้นเป็นฝ่ายเจ้าหน้าที่ หรือคณะกรรมการชุดใด แต่เมื่อศาลรัฐธรรมนูญได้ออกคำสั่งมาแล้ว และประธานสภาฯ ก็ได้แจ้งคำสั่งต่อที่ประชุมไปแล้ว ทุกอย่างก็เรียบร้อยดีอยู่แล้ว ดังนั้น อย่าสร้างปัญหาใหม่ให้เกิดขึ้นมาเลย เพราะขณะนี้ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนใดๆ ที่จะต้องไปลงมติในวาระ 3 หากจะทำต่อไปก็จะยิ่งทำให้เกิดการเผชิญหน้าในสังคมมากยิ่งขึ้น ขอให้รอการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญจะดีกว่า และไม่น่าจะเป็นปัญหาอุปสรรคใดๆ เพราะถ้ายืนยันจะดำเนินการลงมติก็เท่ากับขัดคำสั่งศาล จะเป็นปัญหากับคนที่ขัดคำสั่งศาล เพราะจงใจฝ่าฝืนกฎหมาย และจะเข้าเงื่อนไขถูกยื่นถอดถอนได้ และยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับกับการยื่นยุบพรรค ยืนยันว่าพรรคไม่ได้สนใจเรื่องยุบพรรค เราสนใจแต่สิ่งที่ไม่ถูกต้องและไม่ชอบด้วยกฎหมายว่าจะดำเนินการไม่ได้
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า หากมีการลงมติวาระ 3 ขั้นตอนต่อไปต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ จึงไม่ควรให้เกิดความขัดแย้งลุกลามบานปลายออกไป เพราะเวลานี้ทุกฝ่ายก็ทำหน้าที่ของตัวเองดีอยู่แล้ว ศาลก็ทำหน้าที่โดยจะวินิจฉัยเรื่องนี้ให้จบ สภาก็รอผลวินิจฉัยของศาลเท่านั้นเอง ดังนั้น เวลานี้ยืนยันว่าไม่ควรอย่างยิ่งที่จะมีการลงมติวาระ 3 เพื่อใม่ให้เกิดความขัดแย้งระหว่างองค์กรเพิ่มมากขึ้น
“อย่างที่บอก สิ่งสุดท้ายที่นายกฯ กำลังตัดสินใจว่าจะทำตามสิ่งที่พี่ชายต้องการมากกว่าที่จะรักษาความเรียบร้อยของประเทศ เรื่องนี้ยืนยันว่าไม่ใช่หน้าที่ของสภา การปิดสมัยประชุมสภาเป็นหน้าที่รัฐบาลโดยตรง หัวหน้ารัฐบาลต้องเป็นผู้สนองรับสนองพระบรมราชโองการในพ.ร.ฎ.ปิดสมัยประชุม ดังนั้น นายกฯ ต้องตัดสินใจแล้วว่าอยากให้บ้านเมืองเป็นอย่างไร เพราะฝ่ายต่างๆ ในสังคมก้เรียกร้องเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลาย ยุติวิกฤตการณ์เฉพาะหน้านี้ไป วิกฤตใหญ่เรื่องเศรษฐกิจก็ต้องแก้ ดีที่สุดปิดสภาทุกอย่างก็จบ เพราะเราจะมีเวลาเกือบ 2 เดือนที่จะพุดคุยหาทางออกร่วมกัน” นายอภิสิทธิ์กล่าว
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า การที่นายกฯ โยนให้นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย ไปหารือกับสภาสะท้อนการไม่รู้อำนาจของตัวเองหรือไม่นั้นว่า เป็นแค่ความพยายามหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ แต่ข้อเท็จจริงไม่สามารถหลีกเลี่ยงไปไหนได้ เพราะตอนที่ขอเปิดหรือเลื่อนสมัยประชุมสภา รัฐบาลก็เป็นคนขอขยายสมัยประชุมเอง ซึ่งไม่มีเรื่องอะไรเร่วด่วน เพราะกฎหมายที่รัฐบาลให้สำคัญก็มีแต่เรื่องรัฐธรรมนูญและกฎหมายล้างผิด เพราะรัฐบาลไม่ได้ให้ความสำคัญกับกฎหมายอื่นๆ เลย เช่น กฎหมายการฟอกเงิน ซึ่งมีเวลาถึงเดือน ก.พ.ปีหน้า ตนมั่นใจว่าเข้าสู่การพิจารณาของสภาในเดือนส.ค.นี้ก็ทัน โดยได้รับปากกับภาคเอกชนไว้ เรายืนยันว่าฝ่ายค้านจะให้ความร่วมมือผลักดันกฎหมายนี้อย่างแน่นอน เมื่อถามว่า หากรัฐบาลจะขยายสมัยประชุมออกไปอีก โดยอ้างว่าสมัยประชุมหน้าจะพิจารณากฎหมายไม่ได้นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่จริง เพราะกฎหมายพิจารณาได้ทุกสมัยประชุม