ส.ว.อุตรดิตถ์ โผล่ร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน สอบ ส.ส.ประชาธิปัตย์ป่วนประชุมปรองดอง พฤติกรรมไม่เหมาะสม ขัดหลักจริยธรรมตามรัฐธรรมนูญ ทำชาติเสื่อมเสีย ด้าน “ศรีราชา” พร้อมสอบควบ กก.จริยธรรม สภาฯ
วันนี้ (5 มิ.ย.) ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นางนฤมล ศิริวัฒน์ ส.ว.อุตรดิตถ์ พร้อมด้วยคณะ ได้เข้ายื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อขอให้ดำเนินการตรวจสอบพฤติกรรมการปฏิบัติตัวที่ไม่เหมาะสมของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เช่น นายกุลเดช พัวพัฒนกุล นายอภิชาต สุภาแพ่ง นายพงศ์เวช เวชชาชีวะ น.ส.รังสิมา รอดรัศมี และนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ที่แสดงความไม่พอใจในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ในระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 30-31 พ.ค.ที่ผานมา
โดยนางนฤมลกล่าวว่า พฤติกรรมที่ ส.ส.ได้วิ่งขึ้นไปบนบัลลังก์ของประธานสภา เพื่อบังคับประธานสภาไม่ให้ปฏิบัติหน้าที่ในการหน้าที่ พร้อมทั้งยังมีลากเก้าอี้ของประธานสภาออกจากห้องประชุม ส่งผลให้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายจนถึงขั้นทำร้ายซึ่งกันและกัน อีกทั้งยังได้มีการขว้างปาหนังสือข้อบังคับการประชุมและเอกสารประกอบการประชุมใส่หน้าประธานสภา และบัลลังก์ของประธานสภา ซึ่งถือว่าพฤติกรรมดังกล่าวเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม เป็นการละเมิด และฝ่าฝืนข้อบังคับการประชุมสภา อีกทั้งเป็นการขัดหลักจริยธรรมตามรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ตนและตัวแทน ส.ว.จึงขอเรียกร้องมายังผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อขอให้ทำการพิจารณาและสอบสวนข้อเท็จจริงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นพฤติกรรมของ ส.ส.ที่สร้างความเสื่อมเสียให้กับประเทศ ได้กระทำการละเมิดและฝ่าฝืนต่อข้อบังคับการประชุมสภา และมาตรฐานทางจริยธรรมตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ และขอให้ตรวจสอบว่าเป็นการกระทำผิดขั้นร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 279 วรรค 3 หรือไม่ หากเป็นการกระทำที่เป็นความผิดขั้นร้ายแรง ขอให้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติพิจารณาต่อไป
ด้าน นายศรีราชากล่าวว่า ทราบว่าเรื่องนี้มีสมาชิกรัฐสภาไปยื่นยังคณะกรรมการจริยธรรมของสภาผู้แทนราษฎรให้ตรวจสอบแล้ว โดยหลักปฏิบัติถ้ามีการยื่นให้คณะกรรมการจริยธรรม ของสภาฯตรวจสอบ ผู้ตรวจการฯ ต้องชะลอเพื่อรอผลการพิจารณา ดังนั้น ในเบื้องต้นตนก็จะรับเรื่องดังกล่าวไปพิจารณาและตรวจสอบควบคู่กันไป หากผลสรุปออกมาไม่ตรงกับทางผู้ตรวจการฯ ทางผู้ตรวจการฯ จะมีการไต่สวนสาธารณะ ตามมาตรา 280 ทั้งนี้ เราจะยึดความเป็นธรรมตามหลักความเป็นจริง เพราะเป็นสิ่งที่เดียวที่จะทำให้ทุกคนอยู่ในสังคม และยืนยันว่าจะเร่งพิจารณาเรื่องดังกล่าวอย่างเป็นธรรมและเร็วที่สุด