“ธิดา” อ้าง ส.ว.แต่งตั้งมีเอี่ยวคัดสรรตุลาการศาล รธน.จึงถือเป็นวงจรอุบาทว์ของระบอบอำมาตยาธิปไตย ซัดไม่มีอำนาจหน้าที่ชะลอแก้ รธน.จึงสมควรอย่างยิ่งที่ประชาชนจะเข้าชื่อถอดถอน
วันนี้ (4 มิ.ย.) นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้ออกแถลงการณ์ โดยระบุว่า จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้รัฐสภาชะลอการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระสาม นั้น ขัดต่อบทบัญญัติและเจตนารมณ์ของรัฐ ธรรมนูญ โดยเป็นการก้าวล่วงอำนาจนิติบัญญัติ และเป็นการทำตัวเหนือกว่าบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ไม่ได้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายรัฐธรรมนูญ หมวด 3 ส่วนที่ 13 สิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ที่ห้ามมิให้ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข หรือให้ได้มาที่อำนาจการปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญมิได้
นปช.ในฐานะองค์กรประชาชนที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และความยุติธรรม มีความเห็นว่า การยื่นขอแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคการเมือง และ ครม.ล้วนเป็นไปตามรัฐธรรมนูญปี 2550 หมวด 15 การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ที่ระบุว่า การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญให้กระทำได้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการตามวงเล็บ 1-7 แสดงว่า รัฐธรรมนูญได้อนุญาตให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมได้ ไม่มีเหตุใดที่จะอ้างรับคำร้องไว้พิจารณา เพื่อหยุดยั้งอำนาจหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติที่มาจากการมอบอำนาจของประชาชน
ตรงกันข้าม คณะตุลาศาลรัฐธรรมนูญมาจากการคัดสรรของคณะบุคคลและวุฒิสภา ที่ครึ่งหนึ่งมาจากการคัดสรรแต่งตั้ง เป็นวงจรอุบาทว์ของระบอบอำมาตยาธิปไตย ถ้าเป็นเช่นนี้เท่ากับว่าคณะบุคคลในนามศาลรัฐธรรมนูญกระทำการเกินอำนาจหน้าที่ และไม่เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 และการออกคำสั่งให้รัฐสภาระงับการแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราว ก็ไม่มีรัฐธรรมนูญมาตราใดให้อำนาจไว้ แต่ไปเอาประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 264 มาใช้ ซึ่งการเอากฎหมายศักดิ์ต่ำกว่ามาใช้ ก็เป็นเรื่องที่ตุลาการรัฐธรรมนูญนำมาใช้หลายครั้งแล้ว
ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจกระทำการในการตรวจสอบร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของศาลรัฐธรรมนูญ และไม่มีอำนาจสั่งการให้ฝ่ายนิติบัญญัติยับยั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การกระทำดังกล่าวเท่ากับศาลรัฐธรรมนูญละเมิดรัฐธรรมนูญ แล้วยังล่วงอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ ทำตัวอยู่เหนือรัฐธรรมนูญ จึงสมควรอย่างยิ่งที่ประชาชนจะเข้าชื่อขอถอดถอน