“อำมาตย์เต้น” โวย ปชป.จงใจตีไพ่โง่หวังให้อำนาจนอกระบบน็อกกลางกระดาน ฟ้องอดีต หน.ปชป.ไล่ “อภิสิทธิ์” พ้นเก้าอี้ ฐานทำลายระบบรัฐสภา ยังตีมึนรัฐบาลไม่เร่งรัดออก พ.ร.บ.ปรองดอง แต่เป็นการดำเนินการตามขั้นตอนของรัฐสภา และรัฐบาลก็มีความชอบบธรรมโดยเสียงปชช.ส่วนใหญ่ ยันไม่ใช่ความรุนแรงสลาย พธม.หากชุมนุมปราศจากอาวุธ
วันนี้ (1 มิ.ย.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวถึงเหตุการณ์ความวุ่นวายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาเลื่อนวาระ พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติว่า ภาพที่ปรากฎสร้างความเจ็บปวด และเป็นเรื่องที่น่าเศร้าสำหรับประชาชน ที่ต้องเห็นภาพสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่ถือว่าเป็นผู้ทรงเกียรติเป็นตัวแทนของประชาชน ได้แสดงพฤติการณ์หลากหลายทุกรูปแบบ ทั้งคุกคามประธานรัฐสภา คุกคาม ส.ส.ด้วยกัน ภาพเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นในระบบรัฐสภาไทย นับตั้งแต่เราเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นประชาธิปไตย ตั้งแต่ปี 2475 และสิ่งที่ประชาชน ประเทศชาติคาดหวัง หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวในวันแรก ท่าทีของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์น่าจะเต็มไปด้วยสำนึกความรับผิดชอบต่อระบบรัฐสภา และน่าจะมีการป้องกันลูกพรรคปลุกเร้าจิตสำนึกของส.ส.ในพรรคไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้น แต่เหตุการณ์กลับตรงกันข้าม ในวันที่สองของการประชุมหนักกว่าเก่า และหลังจากนั้นนายอภิสิทธิ์ได้ประชุม ส.ส.และแถลงว่าเห็นชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น และพร้อมกับพูดจาส่งสัญญาณเหมือนกับว่าถ้าประชุมอีกก็จะทำอีก และไม่สนใจว่าจะทำแบบไหนหรือรุนแรงอย่างไร
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า เหตุการณ์เหล่านี้เป็นสิ่งที่ประชาชนเกิดความผิดหวังต่อบทบาทของนายอภิสิทธิ์ เพราะการกระทำเช่นนี้ไม่ได้กระทบต่อภาพลักษณ์พรรคประชาธิปัตย์ อย่างที่นายอภิสิทธิ์พยายามอธิบายว่า เป็นการเสียสละ เป็นการทำลายระบบรัฐสภา เป็นการทำลายสถาบันนิติบัญญัติของประเทศ ซึ่งคนอย่างนายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ไม่อาจรับผิดชอบได้ และการทำเช่นนี้เป็นการพยายามส่งสัญญาณว่า การเมืองในระบบกระบวนการรัฐสภาไม่สามารถดำเนินการได้ เกิดความวุ่นวาย เพื่อต้องการเปิดทางให้อำนาจนอกระบบใช่หรือไม่
“ผมรู้สึกประหลาดใจว่า ทำไมพรรคประชาธิปัตย์จู่ๆ ก็เล่นเกมจนเกินสถานการณ์ขนาดนี้ เหมือนกับว่าวันนี้พรรคประชาธิปัตย์จงใจตีไพ่โง่ เพื่อรอให้มือมืดเก็บไพ่ใบนี้ไปน็อกกลางกระดานใช่หรือไม่ เพราะมันไม่มีเหตุผลเลยที่แสดงออกมา 2 วัน และยังคงสนับสนุนให้ทำกันอย่างต่อเนื่อง เพราะฉะนั้นสิ่งที่อยากจะเรียกร้องต่อนายอภิสิทธิ์ คือ นายอภิสิทธิ์ลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และจะแสดงอะไรออกมาก็ได้เต็มที่ หรือจะไปยืนข้างๆ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ หรือจะแสดงภาวะผู้นำขว้างเก้าอี้ใส่ประธานรัฐสภาเสีย แต่ควรจะแสดงมาตรฐานของหัวหน้าพรรคการเมืองเก่าแก่ในประเทศ ถ้านายอภิสิทธิ์ไม่ลาออก ผมอยากเรียกร้องให้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่ว่าจะเป็นนายพิชัย รัตตกุล นายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ประชุมหารือเรื่องดังกล่าว และมีมติไล่นายอภิสิทธิ์ออกจากหัวหน้าพรรค เพราะการเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองที่พยายามทำลายกลไกระบบรัฐสภา และเปิดทางให้อำนาจนอกระบบเป็นพฤติกรรมเกินกว่าจะรับได้” นายณัฐวุฒิกล่าว
นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า ภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ไม่ได้เหลือภาพลักษณ์อะไรเลยในระบบประชาธิปไตยแล้วทั้งการยอมรับรัฐประหาร การตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร การใช้กำลังปราบปรามประชาชน ตนอยากจะส่งกำลังไปใจไปยังส.ส.ทุกท่าน ขอให้มั่นคงเข้มแข็งในการปฏิบัติหน้าที่ เพราะสิ่งที่ได้เดินมาตามกลไก ตามระบบกระบวนการรัฐสภาว่าไว้อย่างไรก็เดินมาตามนั้น เพียงแต่สิ่งที่กำลังดำเนินการอยู่ เป็นสิ่งที่คนไทยไม่กล้าคิด ถ้านายอภิสิทธิ์ลาออกวันนี้ หรือพรรคประชาธิปัตย์ไล่นายอภิสิทธิ์ออกจากหัวหน้าพรรค พรรคการเมืองพรรคนี้ก็สามารถเหลือซากให้พอฟื้นคืนได้บ้าง แต่ถ้ายังปล่อยไว้วันนี้ หรือไม่อีกกี่วัน ก็อาจถึงขั้นบุกเข้าไปทำร้ายร่างกาย พยายามฆ่า
“ถึงวันนั้นไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์ทำ แต่ระบบรัฐสภาจะทำ และไพ่โง่ที่พรรคประชาธิปัตย์ทิ้งลงมาอาจจะไปเข้ามืออำนาจนอกระบบ และทำลายประชาธิปไตยของประเทศไปอีกครั้ง”
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ทำไมจึงเร่งรีบเลื่อนวาระกฎหมายปรองดองขึ้นมาพิจารณา นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ต้องไปดูทุกกระบวนการ ทุกขั้นตอน มาตามกลไกระเบียบวิธี ระบบรัฐสภาให้ทำได้ จะเร่งรัดหรือจะล่าช้าก็เป็นเรื่องของกลไก ระบบ ยังไม่มีขั้นตอนใดที่ขัดต่อกฎหมาย ขัดต่อระเบียบของรัฐสภา และปรากฏการณ์การเลื่อนวาระเร่งด่วนเข้ามาประชุมพิจารณาก็เคยเกิดขึ้นทุกสมัยการประชุม ไม่ใช่มีแต่เร่งรัด เร่งด่วนอย่างไร มีเจตนาดึงรั้งถ่วงไว้ก็มีให้เห็น เช่น ร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับคณะกรรมการประชาชนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ คปพร.ก็อยู่ในช่วงรัฐบาลอภิสิทธิ์มายาวนาน และตนก็ไม่เห็นว่า พรรคเพื่อไทยที่เป็นพรรคฝ่ายค้านจะบุกเข้าไปที่ประธานสภา เพราะฉะนั้นประชาชนต้องเข้าใจให้ชัดว่า ใครมาในกติกา เล่นในกติกา และใครต้องการแหกกติกา เพื่อทำลายสถาบันนิติบัญญัติ และตนเชื่อว่าวันนี้พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่หยุด เพื่อเดิมพันหมดหน้าตัก และเป้าหมายคือ จงใจตีไง่ให้อำนาจนอกระบบไปน็อคมืด ซึ่งชัดเจนที่สุดขอให้พี่น้องประชาชนใช้วิจารณญาณ
นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า การประชุมสภาฯต้องเกิดขึ้นที่สภาเท่านั้น เพราะรัฐบาลเข้ามาอย่างถูกต้องตามกระบวนการ วันนี้ไม่ได้หมายความว่า เรารู้สึกหวาดระแวงไม่ไว้ใจใคร แต่พฤติกรรมที่พรรคประชาธิปัตย์พยายามทำน่าสงสัย พฤติการณ์แบบนี้พรรคการเมืองที่บอกว่า เป็นฝ่ายค้านมืออาชีพ เชี่ยวกับเกมในสภาไม่น่าเชื่อจะทำได้ แต่เล่นเกมล้มโต๊ะ ล้มกระดานตลอดเวลา เหมือนกับว่า มั่นใจอะไรบางอย่าง เหมือนพบว่า ได้ไปตกลงอะไรพิเศษกับใครเขาไว้ และตนฟันธงว่า อะไรที่พรรคประชาธิปัตย์มั่นใจ อะไรก็ตามที่เป็นข้อตกลงพิเศษ หากถ้าจะมีนั้นย่อมเป็นการทำลายล้างระบอบประชาธิปไตยทั้งสิ้น ย่อมเป็นการใช้วิธีการนอกระบบ เพื่อโค่นล้มรัฐบาลทั้งสิ้น
เมื่อถามว่า เหตุการณ์จะกลับย้อนรอยเหมือนในอดีตหรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า อยากให้พรรคประชาธิปัตย์ประเมินประชาชนใหม่ วันนี้ประชาชนจำนวนมากสำนึกทางการเมือง ซึ่งลึกไปถึงชั้นอุดมการณ์ ถ้าหากคิดทฤษฎีสมคบคิดที่เคยใช้ได้ผลในปี 48, 49, 50 และ 51 จะมาใช้ได้ผลอีกในปี 55 ตนว่าพรรคประชาธิปัตย์กำลังคิดผิด และวิญญาณบรรพชนของประชาธิปัตย์กำลังร่ำให้ด้วยความเจ็บปวด
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมองความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับการที่จะดึงดันร่างกฎหมาย พ.ร.บ.ปรองดองให้เกิดขึ้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ประเด็นไม่ได้อยู่ว่า ดึงดันหรือไม่ แต่ประเด็นอยู่ที่นร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวเข้าเมื่อไร ก็มีฝ่ายที่สร้างปัญหาคิดหรือไม่ว่า หากเลื่อนไปอีก 1 เดือน พรรคประชาธิปัตย์จะไม่เล่นเกมนี้ เลื่อนไปอีก 8 เดือน จะไม่เล่นเกมนี้ มันไม่ใช่ แต่นี้มันเป็นเกมล้มรัฐบาล โดยใช้ พ.ร.บ.ดังกล่าวเป็นเงื่อนไข เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเข้าเมื่อไรมีค่าเท่าเก่า ทำไมจึงไม่ย้อนคิดไปว่า กฎหมายยังไม่เริ่มวาระ 1 เลย ทำไมต้องเร่งสถานการณ์จนถึงขนาดบุกไปห้อมล้อมประธานรัฐสภา ต้องมองว่าตรงนี้เป็นเรื่องผิดปกติมีอะไรซ่อนในเหตุการณ์ เมื่อถามว่าปัจจัยอะไรที่พรรคประชาธิปัตย์ไปสมทบอำนาจนอกระบบ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ไม่ได้บอกว่า มั่นใจอย่างนั้น แต่บอกว่า ประชาธิปัตย์กำลังพยายามตีไพ่โง่ รอคอยคนเล่นต่อหลังเกมที่ตัวเองสร้างขึ้น เพราะพรรคประชาธิปัตย์ทำได้แค่นี้ การแถลงของพรรคประชาธิปัตย์ทำให้ประชาชนเห็นว่า อะไรก็เกิดได้กับพรรคประชาธิปัตย์ภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์
เมื่อถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะส่งผลให้ทหารออกมาหรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้น และหวังว่าบรรดาเหล่าแม่ทัพนายกองทั้งหลายจะใช้สถานการณ์ 6 ปีที่ผ่านมาเป็นบทเรียนว่า เราจะแก้ไขสิ่งที่อ้างว่า ผิด ด้วยวิธีการไม่ถูกไม่ได้ ถ้าหากแก้ไขสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ในขณะนี้ สภาฯดำเนินการไม่ถูกต้องต้องแก้ไขด้วยวิธีการที่ถูกต้อง อยากให้มองว่า 6 ปีที่ผ่านมารัฐประหารไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา แต่เป็นการตอกย้ำซ้ำเติมปัญหา ตนไม่อยากให้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า หัวหน้ารัฐประหารอีกคนมาเป็นผู้ยื่นกฎหมายปรองดองอีก สิ่งที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติทำ คือใบเสร็จยืนยันว่า การรัฐประหารไม่ใช่คำตอบ มีคนพยายามเล่นนอกกติกา เพราะฉะนั้ นรัฐบาล ฝ่ายสภาฯ ต้องมั่นคงเข้มแข็งในหลักการ ประชาชนต้องใช้วิจารณญาณ และถ้าประชาธิปัตย์ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ แทนการได้รับการสนับสนุนจากประชาชน ก็จะได้รับการปฏิเสธ กระบวนการแบบนี้เดินหน้าไปไม่ได้ อ้างความชอบธรรมประชาชนสนับสนุน แต่เชื่อว่าไม่มีประชาชนคนไหนสนับสนุนอย่าง 2 วันที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากร่าง พ.ร.บ.ปรองดองถูกลากต่ออีก 1 เดือน จะมีผลอะไรหรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ไม่มีอะไรกระทบ แต่ พ.ร.บ.ฉบับนี้เข้าสภาฯเมื่อไร เหตุการณ์อย่างนี้ก็จะเกิด มันไม่ใช่เรื่องเร่งรัด มันเป็นเกมกำหนดกันไว้ล่วงหน้า กลไกรัฐบาล กลไกรัฐสภา มีหน้าที่พาประเทศพ้นจากความขัดแย้งด้วยวิธีการที่ถูกต้องให้ได้ จะไปยอมวิธีการแบบนี้ไม่ได้ ประธานสภาฯ จะไม่ประชุมเพราะถูกล็อคคอ ล็อคเก้าอี้ เวลานี้ส่วนตัวไม่ได้คิดว่า การชุมนุมของพันธมิตรฯเป็นเรื่องที่น่ากลัว ไม่ได้คิดว่า การเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์น่าหวาดเกรงใดๆ เพราะประชาธิปัตย์ได้ทำลายตัวเองเรียบร้อย ส่วนพันธมิตรฯ ถ้าเคลื่อนไหวโดยสงบก็ไม่มีปัญหา แต่เป็นห่วงระบบรัฐสภา สถาบันนิติบัญญัติ ภาพรวมของประเทศ หากบางฝ่ายยังส่งสัญญาณแบบนี้ ผู้นำหลายประเทศที่เข้ามาประชุมในไทยได้เห็นภาพ อดีตนายกรัฐมนตรีคุมลูกพรรคละเลงบทบาทในสภาฯ อันนี้ที่น่าเป็นห่วง ยืนยันว่าหากพันธมิตรฯ ชุมนุมโดยปราศจากอาวุธ สันติ ทำได้ และยืนยันไม่ใช่ความรุนแรงกับประชาชน หากรัฐบาลชุดนี้ใช้ความรุนแรง ปฏิบัติเกินกว่าเหตุกับประชาชน ตนก็จะต่อต้าน ทำไม่ได้