“ปานเทพ” เชื่อหากพรุ่งนี้ผู้ชุมนุมมากกว่าเดิม สถานการณ์มีสิทธิ์เปลี่ยน เผยแกนนำประเมินตลอดเวลา เพื่อหามาตรการที่เหมาะสมสุดบนพื้นฐานความปลอดภัยของมวลชน ขอให้มั่นใจในประสบการณ์ ด้าน “พิภพ” ชี้ถ้าครั้งนี้รัฐบาลชนะ คนไทยต้องอยู่ภายใต้ระบอบทักษิณอย่างแท้จริง
วันนี้ 31 พ.ค. เมื่อเวลาประมาณ 20.30 น. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และนายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ร่วมในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV
นายปานเทพกล่าวว่า ไม่นึกว่าสภาจะรีบลงมติเลื่อนวาระ แล้วนัดประชุมวาระแรกพรุ่งนี้ทันที พันธมิตรฯเลยต้องปรับแผนใหม่ การที่เขารีบทำ รีบจบ รีบปิดประชุม ทำให้พันธมิตรฯ ไม่สามารถขยับมาตรการชุมนุมเพิ่มเติมได้อีก ฉะนั้นจึงตัดสินใจพักชุมนุมแล้วนัดใหม่พรุ่งนี้ 6 โมงเช้า ถ้ามีมาตรการเข้มแข็งรัฐบาลคิดหนักมากขึ้นแน่นอน สิ่งที่พันธมิตรฯยื่นคำขาดขอขยายพื้นที่ชุมนุมเข้ารั้วรัฐสภา โดยเขาไม่ได้บอกว่าไม่อนุญาต ก็ต้องถือว่าวันนี้เราเป็นผู้เลือก ว่าจะเข้าหรือไม่เข้า หรือเข้าเมื่อไหร่ มันขึ้นกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวต่อว่า พ.ร.บ.ปรองดองนี้เหมือนชกมวย วาระแรกบรรจุวาระ แล้วก็เลื่อนมาเป็นวาระแรกได้สำเร็จ จากนั้นก็จะพิจารณาวาระที่หนึ่ง วาระที่สองตั้งคณะกรรมาธิการ วาระที่สามลงมติโดยวุฒิสภา ซึ่ง 3 อันหลังสามารถทำได้ในวันเดียวได้ถ้าจะทำ ฉะนั้นทุกอย่างเกิดขึ้นได้ พ้นจากนั้นก็ต้องมีการเข้าสู่ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งก็อาจมีคดีตามมา แล้วระหว่างนั้นจะถูกมวลชนขับไล่หรือไม่ เวลาแกนนำพันธมิตรฯคิด ไม่ได้จะเอาชนะทุกตรา หมากรุกบางตราต้องยอมให้ถูกกิน เพื่อชนะทั้งกระดาน
ฉะนั้นเราคิดเสมอว่ามาตรการอะไรทำแล้วคุ้ม อะไรจะเกิดขึ้นต้องชั่งน้ำหนัก พรุ่งนี้เริ่มชุมนุม 6 โมงเช้า ไปเรื่อย จนกระทั่งเห็นว่าสถานการณ์เหมาะสมในมาตรการใดก็จะใช้มาตรการนั้น ทุกยกมีความไม่แน่นอน หวังยกสุดท้ายไม่ได้ เช่นถ้าหวังว่าพ.ร.บ.ปรองดองนี้ขัดรัฐธรรมนูญ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าถึงเวลา มนุษย์ซึ่งเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะเชื่อมั่นและทำหน้าที่ได้ดีจริงหรือเปล่า เมื่อมีเงิน 4.6 หมื่นล้าน ที่ต้องคืนพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผลประโยชน์มหาศาล ฉะนั้นทุกยกมีโอกาสทำอะไรได้ ทำให้ดีที่สุด อะไรเมื่อเสี่ยงแล้วคุ้มทำเลย ดังนั้นคิดว่าถ้าดันทุรังต่อไปมีโอกาสที่ประชาชนจะลุกฮือแล้วยกระดับ จากการคัดค้านกฎหมายฉบับเดียว เป็นการขับไล่รัฐบาล แล้วเกมมันจะยาว
"พรุ่งนี้จำนวนมวลชนสำคัญ มีส่วนกำหนดทิศทาง ตอนนี้เชื่อว่ารัฐบาลก็ยังลังเล ว่าจะเอาอย่างไรถ้าผู้ชุมนุมมีมาก มีผลที่จะทำให้การประชุมเป็นปกติหรือเปล่า ถ้าพรุ่งนี้มากกว่า 2 วันที่ผ่านมา แล้วมาในจังหวะที่พอดีกับเวลาประชุมสภา เชื่อว่าสถานการณ์มีสิทธิเปลี่ยน" นายปานเทพ กล่าว
นายปานเทพ กล่าวต่อว่า ชุมนุมพรุ่งนี้ อยากให้ทุกคนเตรียมอุปกรณ์พื้นฐาน เช่น แว่นตากันแก๊สน้ำตา ผ้าขนหนู ที่อุดหู ฯลฯ โดยแกนนำจะคิดทุกมิติ ประเมินทั้งในสภา และนอกสภา หามาตรการกดดันเพื่อหยุดการประชุม ขอให้เชื่อมั่นในแกนนำที่มีประสบการณ์
ด้านนายพิภพ กล่าวว่า ถ้าครั้งนี้พ.ต.ท.ทักษิณชนะ เราจะอยู่ภายใต้ระบอบการปกครองของทักษิณอย่างแท้จริง
ส่วนอาจารย์คณิต ณ นคร ในฐานะประธานคอป. (ประธานกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ) ออกมาวิจารณ์พ.ร.บ.ปรองดอง จะเป็นประโยชน์ต่อสังคมมาก แต่ถ้าออกมาช้า ไม่มีความหมาย
นอกจากนี้ สิ่งที่น่ากลัวถ้าพ.ร.บ.ปรองดองนี้สำเร็จ คือการเคลื่อนไหวมวลชนจะไปอิงพรรคการเมือง แล้วพรรคการเมืองก็มาใช้ความเคลื่อนไหวของมวลชน ซึ่งประชาธิปัตย์ก็กำลังทำเรื่องนี้ จากการทำสถานีโทรทัศน์เอง มีการจัดตั้งมวลชนเดินสาย ถามหน่อยว่าถ้ามวลชนประชาธิปัตย์เข้มแข็งและกว้างขวาง เหมือนเสื้อแดง แล้วรู้ว่าถ้าเคลื่อนไหวแล้วทำให้พรรคชนะเลือกตั้งได้ โดยที่ไม่ต้องคำนึงถึงสันติวิธี เพราะถ้าชนะก็สามารถออกกฎหมายปรองดองได้ เขาก็อาจใช้โมเดลแบบเดียวกับพ.ต.ท.ทักษิณ แล้วอะไรจะเกิดขึ้น นี่พูดด้วยความกังวลและเป็นห่วง
