“วรวัจน์” แจ้ง ส.ส.เตรียมสแตนด์บายเข้าประชุมสภาฯ รับมือถกร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง โหวตรับร่าง รธน.วาระ 3 ครม.ตั้งวงถกนอกรอบโบ้ยรัฐบาลไม่เกี่ยวเดินเกมชง กม.ปรองดอง จี้ ปชป.คืนโอกาสประเทศชาติเดินหน้า โชว์ความงดงามทาง ปชต.ชง พ.ร.บ.ปรองดองเทียบเคียงสู้กันบนเวทีสภา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 29 พ.ค.ซึ่งมีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมแทน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีนั้น นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แจ้งวาระการประชุมสภาให้ ครม.รับทราบ พร้อมเน้นย้ำให้รัฐมนตรีที่เป็น ส.ส.เตรียมพร้อมเข้าร่วมการประชุมสภาฯ ตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค.เป็นต้นไป เนื่องจากจะมีการพิจารณากฎหมายสำคัญ โดยเฉพาะการเสนอร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการปรองดองแห่งชาติเข้าสู่สภาฯ และกำชับว่าต้องเตรียมสแตนบายให้พร้อมตั้งแต่วันพุธ พฤหัสบดี และวันศุกร์ โดยเฉพาะในวันที่ 5 มิ.ย. ที่สภาได้นัดประชุมเพื่อโหวตรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 3 ที่จะมีการโหวตลงคะแนนเป็นรายบุคคล ดังนั้นการประชุม ครม.ในวันอังคารที่ 5 มิ.ย.อาจต้องเลื่อนเวลาประชุมเป็นในช่วงเวลา 14.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ตาม ในช่วงก่อนการประชุม ครม.จะเริ่มขึ้น ปรากฏว่าที่บริเวณนอกห้องประชุม ครม.ได้มีรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยหลายคน เช่น นายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รมช.สาธารณสุข นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.คมนาคม และนายชัชชาติ สิทธิ์พันธุ์ รมช.คมนาคม นั่งจับกลุ่มพูดคุยกันนอกรอบถึงการเสนอร่าง พ.ร.บ.ปรองดองเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ โดยมีความเห็นในทิศทางเดียวกันว่า เรื่องการเสนอร่าง พ.ร.บ.ปรองดองไม่ได้เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล จุดเริ่มต้นไม่ได้มาจากรัฐบาล และเห็นว่าควรจะมีการสื่อสารพยายามผลักดันให้พรรคประชาธิปัตย์เสนอร่าง พ.ร.บ.ปรองดองของตัวเองออกมาเพื่อใช้เหตุผลหักล้างกันโดยใช้เวทีรัฐสภาเป็นตัวตัดสิน
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ก่อนการประชุม ครม.ได้มีรัฐมนตรีบางส่วนหารือกันนอกรอบถึงการเสนอร่าง พ.ร.บ.ปรองดองเข้าสู่สภาฯ โดยระบุว่าที่จริงแล้วการเสนอร่าง พ.ร.บ.ปรองดองไม่ได้เป็นความรับผิดชอบหรือจุดเริ่มต้นจากรัฐบาล รัฐบาลมีหน้าที่และสมาธิอย่างเดียวว่าจะทำอย่างไรให้การบริหารราชการแผ่นดิน ให้ราบรื่นที่สุด แต่กระบวนการปรองดองเป็นความพยายามของคนทั่วทั้งประเทศ ไม่เพียงแต่คนเป็น ส.ส.เท่านั้นที่จะคิด รัฐบาลเองก็ควรจะยินดีที่มีคนคิดให้ว่าจะก้าวข้ามพ้นความขัดแย้งนี้ไปได้อย่างไร แต่แน่นอนเป้าหมายปลายทางของการปรองดองถ้าเป็นยาก็เป็นยาหลายขนาน ไม่รู้หรอกว่าบ้านเมืองจะหายด้วยยาขนานไหน
“ขณะนี้ร่าง พ.ร.บ.ปรองดองมีทั้งหมด 4 ร่างแล้ว คือ ร่างของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ ร่างของนายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ร่างของนายนิยม วรปัญญา ส.ส.บัญชีรายชื่อ และร่างของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรฯ ซึ่งมีความแตกต่างกันไปแต่ละร่าง ซึ่งร่างของ นปช.ล้างความผิดทุกอย่าง แต่ต้องเอาฆาตกรคนสั่งฆ่าประชาชามาลงโทษ โดยกลุ่มภาคีเครือข่ายภาคประชาชนไปชุมนุมหน้าพรรคเพื่อไทยบอกว่าถ้าพรรค เพื่อไทยไปล้างผิดกับทุกคนเขาไม่เอาด้วย จึงเป็นที่มาที่นายณัฐวุฒิพร้อม ส.ส.ของกลุ่มคนเสื้อแดงไปยื่นร่าง พ.ร.บ.ปรองดองเสนอเข้าไปประกบ ซึ่งทั้ง 4 ร่างจะพิจารณาในคราวเดียวกัน จากการหารือกันในพรรคเห็นว่ามีความแตกต่างแต่ละร่างในเรื่องการค้นหาความจริง อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้จะต้องสู้กันยาว เมื่อเดินไปสู่เป้าหมายสภาฯ อาจจะให้ตั้งคณะกรรมการศึกษาอาจจะเป็นปี หรือสองปี หรืออาจจะไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้” นายอนุสรณ์กล่าว
นายอนุสรณ์กล่าวว่า ทั้งนี้ในวงหารือของรัฐมนตรีบางส่วนดังกล่าวระบุว่า ถ้าสื่อสารไปถึงพรรคประชาธิปัตย์ได้ ก็อยากจะให้พรรคประชาธิปัตย์เคารพและเชื่อมั่นในระบอบรัฐสภา และน่าจะได้เสนอร่าง พ.ร.บ.ปรองดองในมุมมองของพรรคประชาธิปัตย์ขึ้นมา จะเสนอกี่ร่างก็ได้ เพราะพรรคประชาธิปัตย์มีกฎหมาย มีทนายความเทวดาหรือกูรูอยู่หลายคนก็น่าจะร่วมคิด ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่คิดก็เท่ากับเป็นการเสียโอกาสของพรรคประชาธิปัตย์เอง และเสียโอกาสของประเทศด้วย ทุกคนอยากให้การเมืองอยู่ในสภาฯ พรรคประชาธิปัตย์ที่สร้างมาตรฐานเอาไว้สูงว่าเชื่อมั่นในระบบรัฐสภา ทำไมถึงไปปลุกระดมคนออกมาเสียอย่างนั้น และหากเหตุการณ์ความวุ่นวายเกิดขึ้นพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องรับผิดชอบ เพราะวันนี้ปัญหาการเมืองไม่มีอะไรเลย รัฐบาลกำลังเดินหน้าครบ 1 ปี ในวันที่ 23 ส.ค.นี้แล้ว จู่ๆ จะเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องขึ้นมาในขณะที่สถานการณ์บ้านเมืองกำลังสงบและประเทศชาติกำลังเดินหน้า
รักษาการโฆษกฯ กล่าวต่อว่า มีการพูดถึงกรณีของพม่าที่ผู้นำจะเดินทางมาเยือนไทย ถ้าย้อนหลังไปเมื่อ 5-10 ปีเราอาจจะเฉยๆ แต่วันนี้พม่าเปิดประเทศ จะมาเยือนเรา ถือเป็นยักษ์ที่สลบไสลแล้วฟื้นขึ้นมา ขณะที่ประเทศเราที่มีความพร้อมมากกว่าเขา แต่กลับหยุดอยู่กับที่มานานแล้ว วันนี้พม่าเปิดประเทศมีการเลือกตั้งซึ่งสังคมโลกยอมรับ เปิดพื้นที่ให้นางอองซาน ซูจีได้เล่น แต่ของเรากลับเอาเรื่องนี้มาทำลายล้างเอาชนะคะคานกันจนประเทศชาติบอบช้ำมามาก จึงอยากจะขอโอกาสให้ประเทศไทยได้เดินไปข้างหน้า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์จะแสดงความงดงามทางประชาธิปไตยก็เสนอร่าง พ.ร.บ.ปรองดองมาเทียบเคียงกัน ไม่ใช่ไปตีรวนด้วยการเมืองข้างถนน