ผู้บริหารเครือเนชั่น แสดงความไม่พอใจ อสมท แถลงข่าวผังรายการใหม่ ก.ค.55 ถอดรายการ “ข่าวข้นคนข่าว” และ “เช้าข่าวข้นคนข่าวเช้า” ใช้วิธีดึงสำนักข่าวไทยผลิตรายการเอง พบสัญญาณส่อหลุดผังตั้งแต่ปลายปี เริ่มจากปล่อยข่าวลือทำโฆษณาวูบ ปล่อยเสื้อแดงข่มขู่กนก แม้แต่ผู้บริหาร อสมท ลงมาสั่งสอนเอง ด้าน “กนก” ไม่พูดบอกเรื่องเล็ก แต่ประชดจะไปฟ้องป๋า ฐานคนที่ปรองดองยังลิดรอนสื่อ
วันนี้ (25 พ.ค.) นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตนทราบการแถลงข่าวของ นายเปรมกมลย์ ทินกร ณ อยุธยา กรรมการและรักษาการกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ที่บอร์ด อสมท ได้ตัดสินใจไม่ต่อสัญญาร่วมผลิตรายการระหว่างเนชั่น กับ อสมท ในรายการข่าวข้นคนข่าว และ รายการเช้าข่าวข้นคนข่าวเช้า ที่จะหมดลงในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ปกติ
โดยให้เหตุผลว่า หากพิจารณาตามแนวทางการดำเนินงานทางธุรกิจโดยทั่วไปของบริษัทมหาชน ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่จะต้องคำนึงถึงผลประกอบการที่ดี เพื่อผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นและพนักงานแล้ว ค่อนข้างผิดธรรมเนียมปฏิบัติที่ดีในการดำเนินงานร่วมกัน การบอกเลิกข้อตกลงร่วมผลิตรายการแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยไม่มีการปรึกษาหารือกับอีกฝ่ายที่เป็นคู่สัญญากัน ย่อมถือว่า ผิดหลักปฏิบัติทางธุรกิจและธรรมาภิบาลที่ดี เพราะผู้ถือหุ้นและพนักงานของทั้งสองบริษัท ไม่ได้รับการชี้แจงอธิบายถึงสาเหตุการบอกเลิกรายการอย่างมืออาชีพ ที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสององค์กรเช่นนี้คืออะไรกันแน่ หรือมีเบื้องหลังที่ไม่สามารถอธิบายได้อย่างไร
• เผยสัญญาณไม่ดีตั้งแต่ปลายปี 54 ปล่อยข่าวลือทำยอดโฆษณาวูบ
ทั้งนี้ หากพิจารณาจากผลการดำเนินธุรกิจโดยปกติ ทาง อสมท น่าจะต่อสัญญาร่วมผลิตรายการ เพราะทั้งสองรายการเป็นรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ ด้วยการนำจุดแข็งด้านข่าวของทั้งสององค์กรสื่อมาเสริมซึ่งกันและกัน ทำให้ทั้งสองรายการได้รับความนิยมสูงในลำดับต้นๆ ของรายการทั้งหมดในผังช่อง 9 ติดต่อกันมาหลายปี จนสามารถเพิ่มอัตราค่าโฆษณาได้ทุกปีจนทำรายได้ให้ อสมท จำนวนมากต่อเดือน หาก บอร์ด อสมท ต้องการจะปรับเปลี่ยนเงื่อนไขบางอย่างเพื่อทำให้เกิดประโยชน์กับ อสมท มากขึ้น ทางเนชั่น ก็ไม่ขัดข้องแต่อย่างใด แต่กลับไม่เคยเชิญผู้บริหารเนชั่น ไปหารือในฐานะผู้ร่วมผลิตรายการที่เป็นคู่สัญญา
“ผมรู้สึกได้ถึงสัญญาณที่ไม่เป็นมิตรของกรรมการบอร์ด อสมท บางคนตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม 2554 เพราะมีการปล่อยข่าวมาโดยตลอดว่าจะถอดรายการข่าวข้นคนข่าว และรายการเช้าข่าวข้น ออกจากผังตั้งแต่ต้นปี จนบริษัทเอเยนซีจำนวนมากได้แสดงความห่วงใยผ่านมาทางเนชั่น และทราบว่า ความเห็นของเอเยนซีโฆษณาดังกล่าวยังผ่านไปยังผู้บริหาร อสมท หลายท่านว่า ทำไมกรรมการของบอร์ด อสมท บางคนจะต้องไปปล่อยข่าวทำร้ายองค์กรตัวเอง จนส่งผลลบต่อรายได้โฆษณาเดือนมกราคม 2555 ลดลงไปอย่างมาก ทั้งๆ ที่ทั้งสองรายการยังเป็นที่นิยมของคนดูและผู้ลงโฆษณา” นายอดิศักดิ์ กล่าว
นายอดิศักดิ์ กล่าวว่า จะขอความเป็นธรรมจาก นายสรจักร เกษมสุวรรณ ประธานบอร์ด อสมท และคงจะทำหนังสือถึง นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อยากให้ทบทวนการตัดสินใจใหม่ หรืออย่างน้อยที่สุด ถือหลักการปฏิบัติอย่างมืออาชีพ ระหว่างสององค์กรสื่ออย่าง อสมท กับ เนชั่น ที่เป็นพันธมิตรกันมายาวนาน การตัดสินใจแต่เพียงฝ่ายเดียวเช่นนี้ เป็นการส่งสัญญาณเสมือนว่า บอร์ด อสมท หรือบอร์ดบางคน ไม่ต้องการทำงานและทำธุรกิจใดๆ ร่วมกับสื่ออย่างเนชั่นอีกต่อไป
“ถือว่าสวนทางกับความพยายามสร้างบรรยากาศการปรองดองของนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ต้องการให้ทุกฝ่ายหันหน้ามาคุยกันและทำงานร่วมกัน การตัดสินใจเช่นนี้เป็นการผลักไสให้สื่อในเครือเนชั่น ถูกมองจากสังคมว่าเป็นสื่อที่ยังเป็นคู่อริ หรืออยู่ตรงกันข้ามกับรัฐบาลชุดนี้ โดยไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบต่อการประกอบวิชาชีพของสื่อภาคเอกชน ที่ทำงานอยู่บนหลักจรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อที่นักข่าวทุกคนในเครือเนชั่นยึดมั่นมาโดยตลอด” นายอดิศักดิ์ กล่าว
• “กนก” บอกหลุดผังเรื่องเล็ก-ประชดฟ้องป๋าเปรมบ้าง
ด้าน นายกนก รัตน์วงศ์สกุล พิธีกรรายการข่าวข้นคนข่าว ปฏิเสธที่จะพูดถึงรายการข่าวเครือเนชั่นหลุดออกจากผังในวันนี้ โดยได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก “Kanok Ratwongsakul” ระบุว่า “เรื่องหลุดผังเป็นเรื่องเล็กในวันนี้..เพราะวันนี้ผมและครอบครัว ส่งสำนึกความจงรักภักดี ไปร่วมกับพี่น้องคนไทยในพระองค์..ที่ผืนแผ่นดินแห่งพระมหากรุณาธิคุณ วันนี้..อาจารย์ธนิสร์ จะบรรเลง “ความฝันอันสูงสุด” “ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ” และก่อนหน้านี้ นายกนกได้แชร์ข่าวที่ผู้ปกครองและนักเรียนโรงเรียนบดินทร์เดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ร้องเรียนต่อพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี โดยกล่าวว่า “รายการตระกูลข่าวข้นฯ หลุดผังทั้ง 2 รายการ ผมจะไปร้องป๋าบ้าง เพราะคนที่ป๋าปรองดอง ยังมีนิสัยลิดรอนสื่อ แต่ผมไม่อดข้าวประท้วงหรอก เดี๋ยวเป็นลม”
• เพิ่มเวลา “คุยโขมง” แทนเช้าข่าวข้น-ดึง “ข่าวข้นคนข่าว” กลับไปทำเอง
มีรายงานข่าวเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (25 ม.ค.) ระบุว่า ผู้บริหาร อสมท จะแถลงข่าวการปรับผังรายการในช่วงบ่ายวันนี้ เวลาประมาณ 14.00 น.โดยมีแนวโน้มว่ารายการที่เครือเนชั่นร่วมกันผลิตกับทางโมเดิรน์ไนน์ ทีวี หรือช่อง 9 จะหลุดออกจากผังรายการ โดยไม่ระบุถึงสาเหตุของการปลดรายการดังกล่าวในครั้งนี้ ซึ่งเป็นโจทย์ที่บอร์ดและฝ่ายบริหารของ อสมท ต้องมาพิจารณาว่าจะทำรูปแบบรายการที่มาทดแทนอย่างไร เพื่อให้สามารถขายโฆษณาได้ เพราะทางเอเยนซีต้องขอดูผลงานและความสามารถในการทำรายการก่อนการตัดสินใจซื้อโฆษณา อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานว่า จะนำรายการข่าวแบบใดออกอากาศแทนทั้งสองรายการ เพราะรายการข่าวข้นคนข่าวเดิม มีฐานผู้ชมระดับสูง ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทายฝ่ายบริหารของ อสมท อีกทั้งที่ผ่านมา รายการข่าวที่ อสมท ผลิตรายการเองไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
อย่างไรก็ตาม ในการแถลงข่าวผังรายการล่าสุดของโมเดิร์นไนน์ทีวี ซึ่งมี นายเปรมกมลย์ ทินกร ณ อยุธยา กรรมการและรักษาการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท เป็นผู้แถลงข่าว พบว่า ได้ถอดรายการข่าวข้นคนข่าว โดยให้สำนักข่าวไทยผลิตรายการเอง ซึ่งจะเป็นการวิเคราะห์ข่าวรายวัน ขณะเดียวกัน รายการเช้าข่าวข้นคนข่าวเช้า ได้ถอดออกจากผังรายการเช่นกัน โดยได้ขยายรายการคุยโขมงยามเช้า ซึ่งมี นายสุวิช สุทธิประภา และ นางสาวภรภัทร นีลพัธน์ ดำเนินรายการ จากเดิมวันละ 30 นาที ตั้งแต่ 05.30-06.00 น.เป็น 2 ชั่วโมง ตั้งแต่ 05.30-07.30 น.และย้ายรายการ “9 ทันเกมส์” ซึ่งเป็นรายการข่าวกีฬาเข้ามาในเวลา 07.30-08.00 น. มีผลตั้งแต่ 1 ก.ค.ถึง ธ.ค.55
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายการข่าวข้นคนข่าว ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี (ช่อง 9 อสมท) ครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 ม.ค.2550 ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 21.30-22.00 น.แทนรายการคุยคุ้ยข่าว ของบริษัท ไร่ส้ม จำกัด ที่มี นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา เป็นเจ้าของและตัดสินใจไม่ต่อสัญญา ซึ่งเป็นการผลิตรายการร่วมกันระหว่าง บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยสำนักข่าวไทย ร่วมกับ บริษัท เนชั่น บอร์ดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบิสซิเนสยูนิตในเครือเนชั่น ก่อนจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มี นายกนก รัตน์วงศ์สกุล, นายธีระ ธัญญะไพบูลย์ เป็นพิธีกร ร่วมกับ นายกําภู ภูริภูวดล นักจัดรายการวิทยุ อสมท และในช่วงแรก ยังมี นายโศภณ นวรัตนาพงษ์ ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย แต่ได้ถอนตัวออกไป โดยในขณะนั้นเครือเนชั่น ยังได้ผลิตรายการจุดชนวนความคิด แต่ภายหลังได้ถูกถอดรายการออกไปหลังออกอากาศได้ประมาณ 1 ปี
หลังจากนั้น ทั้งสองบริษัทได้ร่วมกันผลิตรายการเช้าอีกหนึ่งรายการ คือ รายการเช้าข่าวข้นคนข่าวเช้า ออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 เม.ย.2552 ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 06.00-08.00 น.มี นายกนก รัตน์วงศ์สกุล, นางสาวจอมขวัญ หลาวเพ็ชร และ นายสุวิช สุทธิประภา ซึ่งภายหลังได้ร่วมกับ อสมท ผลิตรายการให้กับสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมอาเซียน ทีวี อย่างเต็มตัว อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเครือเนชั่นได้ผลิตรายการโทรทัศน์ร่วมกับสถานีโทรทัศน์ฟรีทีวี อีกหลายรายการ อาทิ รายการเรื่องเด่นเย็นนี้ ทางไทยทีวีสี ช่อง 3 ซึ่งเครือเนชั่น ส่ง นายธีระ ธัญญะไพบูลย์ ไปเป็นพิธีกร และรายการห้าเช้าข่าวดี ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 ที่ส่ง นายนภพัฒน์จักษ์ อัตตนนท์ ไปเป็นพิธีกร เป็นต้น
• “กนก รัตน์วงศ์สกุล” ชนวนเหตุ-พบ “จักรพันธุ์” ทำกร่างข่มขู่
อย่างไรก็ตาม ชนวนเหตุที่ทำให้เกิดกระแสการปลดรายการข่าวข้นคนข่าว และเช้าข่าวข้นคนข่าวเช้า คือการแสดงท่าทีทางการเมืองของนายกนก รัตน์วงศ์สกุล หนึ่งในพิธีกรที่มักแสดงจุดยืนทางการเมืองตรงกันข้ามกับรัฐบาล ทั้งกรณีแสดงความชื่นชมผ่านทางเฟซบุ๊ก ถึงนางสาวสมจิตร นวเครือสุนทร ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบก ช่อง 7 ที่สัมภาษณ์นางสาวยิ่งลักษณ์ถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงไม่พอใจ มีพิธีกรสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเชียอัพเดทของกลุ่ม นปช.นำมวลชนเข้าไปข่มขู่นายกนกระหว่างเตรียมจัดรายการที่ อสมท.ในช่วงกลางคืนมาแล้ว นอกจากนี้ ท่าทีของ บมจ.อสมท.มักไม่พอใจกับรายการข่าวข้นคนข่าว โดยเฉพาะการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอย่างตรงไปตรงมาของนายกนก
รวมทั้งการแสดงท่าทีของนายจักรพันธุ์ ยมจินดา รองประธานกรรมการ บมจ.อสมท. และอดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยรักไทย ซึ่งรับผิดชอบดูแลด้านข่าวในช่วงเวลานั้น ทำหนังสือไปถึงเนชั่นฯ เพื่อให้ตักเตือนนายกนกด้วยว่า “เขามีเสรีภาพเต็มที่ในการจัดรายการ แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบเงื่อนไข จากนี้รายการจะอยู่หรือไม่อยู่ก็ขึ้นอยู่กับเรตติ้ง แต่ต้องยอมรับว่า ตอนนี้เรตติ้งรายการช่วงเช้าที่คุณกนกจัดอยู่นั้นไม่ค่อยดี สู้รายการข่าวข้นคนข่าวที่จัดอยู่ช่วงกลางคืนซึ่งเป็นเวลาไพร์มไทม์ไม่ได้ แต่ยังสู้กับรายการของช่องอื่นๆ ในช่วงเวลาเดียวกันไม่ได้ และในช่วงปลายเดือนเมษายน ที่เรากำลังจะปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ รวมทั้งประเมินวัดเรตติ้งของรายการทีวี ว่ารายการใครจะได้อยู่ต่อหรือไม่ ใครเรตติ้งไม่ดีต้องถูกปรับออกไป เราไม่ได้รังแกใคร ขณะเดียวกัน ถ้ารายการของคุณกนกเรตติ้งตก เราก็ไม่เอาไว้แน่ จึงอยากฝากไปทางเนชั่นฯ ที่ผลิตรายการทั้งสองรายการ ของคุณกนกให้ช่วยดูแล ควบคุมลักษณะการจัดรายการของคุณกนกด้วย เพราะเวลานี้สร้างความไม่พอใจ จนนำไปสู่ความเเกลียดชังจากบุคคลบางกลุ่มอยู่อย่างมาก”
กระทั่งเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ตนได้รับกระแสข่าวจากวงการโฆษณาแจ้งมาว่า ฝ่ายการตลาดของ อสมท ไม่พยายามที่จะขายโฆษณาในช่วงเวลาที่รายการ “ข่าวข้นคนข่าว” ออกอากาศ ซึ่งก็เท่ากับเป็นการบีบทางอ้อมให้มีเรตติ้งน้อยลง เมื่อถึงเวลาปรับผังรายการใหม่ก็บีบให้ออกจากผังรายการ กระทั่งนายจักรพันธุ์ได้ลาออกจาก บมจ.อสมท.ขอลาออกจากตำแหน่งรักษาการ กก.ผอ.ใหญ่ และรักษาการรอง กก.ผอ.ใหญ่ สายงานโทรทัศน์ เมื่อ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา ก่อนการแถลงข่าวการปรับผังรายการของโมเดิร์นไนน์ทีวี โดยนายเปรมกมลย์ ทินกร ณ อยุธยา กรรมการและรักษาการกรรมการผู้อำนวยการ บมจ.อสมท. และได้ปลดรายการข่าวของเครือเนชั่นทั้งสองรายการในวันนี้
สำหรับการแทรกแซงสื่อของอำนาจรัฐในฟรีทีวี โดยเฉพาะกับสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี หรือช่อง 9 อสมท. ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับของสำนักนายกรัฐมนตรี เคยเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 ก.ย.2548 เมื่อรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ที่มีนายสนธิ ลิ้มทองกุล และนางสาวสโรชา พรอดุมศักดิ์ เป็นผู้ดำเนินรายการ ถูกบอร์ด อสมท. มีมติถอดรายการออกจากผังรายการของโมเดิร์นไนน์ทีวี หลังรายการออกอากาศครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 9 ก.ย.2548 ซึ่งมีเนื้อหาวิจารณ์การบริหารประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ทำให้นายสนธิและนางสาวสโรชาได้จัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี กระทั่งได้จัดรายการนอกสถานที่ในชื่อ “เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร” โดยจัดขึ้นครั้งแรกที่หอประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เมื่อวันที่ 23 ก.ย.2548 ก่อให้เกิดปรากฏการณ์สนธิ นำไปสู่การขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี