กลาโหม ปรับหลักสูตร รด. เด็กอายุต่ำกว่า 18 ให้ฝึกมือเปล่า และระเบียบวินัย ไม่ให้จับอาวุธ ตามข้อเสนอของ กก.สิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติ ยันยังรับเด็กจบ ม.3 เข้าเป็น รด.ตามปกติ
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกระทรวงกลาโหมจะมีการรับผู้สมัครเป็นนักศึกษาวิชาทหารตั้งแต่อายุ 17 ปีขึ้นไปตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติ ที่ห้ามมีการฝึกอาวุธให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ว่า ทางกระทรวงกลาโหม ได้มีการเรียกประชุมเหล่าทัพ กระทรวง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยสรุปว่าจะต้องทำตามมติของสหประชาชาติ โดยมีเวลา 5 ปี เพื่อรายงานว่าได้ทำอะไรไปบ้างแล้ว ซึ่งก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร
"ที่ผ่านมาอาจจะรีบร้อนไปหน่อย ออกเรื่องไปจนมีปัญหาในการรับเด็กเข้ามาฝึก แต่อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมได้มีมติเป็นเอกฉันท์ ให้ดำเนินการเหมือนเดิม และในส่วนของกระทรวงกลาโหม ก็จะเปลี่ยนบทการฝึก เด็กที่อายุไม่ถึงจะไม่ให้ฝึกอาวุธ จะเน้นการฝึกมือเปล่า และระเบียบวินัย"
ด้าน พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ทางคณะกรรมการสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติ ได้จัดให้มีการประชุมในเรื่องของอนุสัญญาว่าด้วยเรื่องสิทธิเด็ก ซึ่งในที่ประชุมได้เสนอแนะด้วยความห่วงใยว่า ไม่ควรให้เด็กต่ำกว่าอายุ 18 ปี จับอาวุธ หรือ ใช้อาวุธ จึงทำให้ประเทศไทย ซึ่งถือว่าเป็นรัฐสมาชิกของยูเอ็น ทางเราจึงต้องควรปฏิบัติเพื่อไม่ให้เสียภาพลักษณ์ของเวทีประชาคมโลก ทางกระทรวงกลาโหมจึงได้จัดประชุมพิจารณาแนวทางดำเนินการตามข้อเสนอของคณะกรรมการสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติ โดยได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยว เพื่อเข้าร่วมพิจารณาหาแนวทาง ตามข้อเสนอแนะดังกล่าว
พ.อ.ธนาธิป กล่าวอีกว่า ในที่ประชุมได้เชิญูผู้แทน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภานในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) สถาบันการป้องกันประเทศ (สปท.) โดยที่ประชุมรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิเด็กฯ ภายในระยะเวลา 5 ปี ซึ่งก็จะมีช่วงระยะเวลาในการเปลี่ยนผ่าน ซึ่งทางกระทรวงพัฒนาสังคมฯ จะเป็นผู้ดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะรายงานให้กับทางคณะกรรมการสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติได้รับทราบ
ส่วนกระทรวงกลาโหมได้แบ่งห่วงระยะเวลาเป็น 2 ส่วน คือช่วงระยะสั้น คงให้หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (นรด.) รับนักศึกษาวิชาทหารคงคุณสมบัติเดิมทั้งหมด คือรับตั้งแต่อายุ 15 ปีขึ้นไป ตามกฎของกระทรวงคือผู้ที่จะสมัครเข้าเป็นนักศึกษาวิชาทหารคือต้องจบมัธยมศึกษาปีที่ 3 ไม่มีเปลี่ยนแปลง ส่วนระยะยาวทางกระทรวงกลาโหมได้ให้ หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (นรด.) ไปปรับหลักสูตรในเรื่องของการฝึกหลักสูตรของนักศึกษาวิชาทหาร ให้สอดคล้องกับทางคณะกรรมการสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติ และทางโรงเรียนทหารก็มอบหมายให้กองบัญชาการกองทัพไทย ไปดูให้หลักสูตรต่าง ๆ ได้สอดคล้องกันทั้งหมดฃฃ
“เรื่องนี้คงจะต้องมีการหารือกับกระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ต่อไป และในปี พ.ศ.2560 จะได้ทำรายงานให้ทางคณะกรรมการสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติ ได้รับทราบ ทั้งนี้ข้อห่วงใยของคณะกรรมการสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติ ไม่มีข้อผูกพันทางกฎหมาย แต่เราในฐานะรัฐสมาชิก ซึ่งประเทศไทยต้องแสดงความพร้อมที่จะปฏิบัติให้บรรลุตามเจตนารมณ์อย่างจริงจัง จะได้ไม่เสียภาพลักษณ์จากประชาคมโลกปัจจุบันที่การรับสมัครนักวิชาทหารก็เป็นกฎกระทรวงกลาโหมอยู่แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นกฎหมาย อย่างไรก็ตาม หากมีการแก้ไขก็ต้องมีการศึกษาในข้อกฎหมายตรงนี้ ซึ่งในตอนนี้กรมพรธรรมนูญก็ได้ศึกษากฎหมายนี้อยู่”