xs
xsm
sm
md
lg

กสม.ค้านนโยบาย ศธ.ให้ ร.ร.รับแปะเจี๊ยะ ชี้ขัด รธน.ชัด ตัดโอกาสเด็กจน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปธ.อนุฯยุทธศาสตร์ความเสมอภาค กสม.ชี้ นโยบายกระทรวงศึกษาฯ ให้โรงเรียน เปลี่ยนแปะเจี๊ยะเป็นเงินบริจาค ขัดหลักสิทธิมนุษยชนและรัฐธรรมนูญ ตัดโอกาสเด็กจน ชี้กฎหมายระบุชัด รัฐต้องหนุนงบศึกษาไม่ใช่ให้สถานศึกษาเรียกเก็บผู้ปกครองอีก แถมไม่สอดคล้องปฏิญญาสากล

วันนี้ (15 ก.พ.) ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และประธานอนุกรรมการปฏิบัติการยุทธศาสตร์ด้านเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และความเสมอภาคของบุคคล กล่าวถึงกรณีกระทรวงศึกษาฯ มีนโยบายให้สถานศึกษารับเงินบริจาคได้ว่า ไม่แน่ใจว่าการใช้คำว่า “เงินบริจาค” แทนคำว่า “เงินแปะเจี๊ยะ” นั้น ในทางปฏิบัติ เงินบริจาคดังกล่าวจะมีความสัมพันธ์กับการได้เข้าเรียนหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นเห็นว่า เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องตามหลักการสิทธิมนุษยชน เพราะนโยบายดังกล่าวเท่ากับเป็นการตัดโอกาสเด็กที่มีความสามารถ แต่ฐานะทางเศรษฐกิจไม่เอื้อในการเข้าเรียน เพราะต้องถูกกันที่นั่งเรียนไว้สำหรับเด็กที่มีเงินบริจาค ซึ่งถือว่าเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม โดยเหตุความแตกต่างทางเศรษฐกิจ จึงขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 30 วรรคสาม

นางวิสา กล่าวอีกว่า การที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคแรก ประกอบกับมาตรา 10 วรรคแรก และมาตรา 13(1) แห่ง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ได้บัญญัติรับรองว่าบุคคลมีสิทธิเสมอกันในการศึกษาไม่น้อยกว่า 12 ปี โดยรัฐมีหน้าที่จัดให้โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย และนั่นย่อมหมายความว่า รัฐต้องสนับสนุนงบประมาณในการจัดการศึกษาดังกล่าวอย่างเพียงพอ ไม่ใช่ให้โรงเรียนไปเรียกเก็บจากผู้ปกครองอีก เพราะงบประมาณไม่เพียงพอ โดยในมาตรา 49 วรรคสอง ยังได้เน้นย้ำว่า แม้เป็นผู้ยากไร้ หรืออยู่ในสภาวะยากลำบาก รัฐก็มีหน้าที่ต้องจัดให้ได้รับสิทธิในการศึกษาโดยเท่าเทียมกับบุคคลอื่นๆ ด้วยเช่นกัน และเท่าที่ทราบนโยบายเรียนฟรี 15 ปี อย่างมีคุณภาพของกระทรวงศึกษาธิการ ก็เป็นการจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษาตอนปลายของรัฐ โดยครอบคลุมค่าใช้จ่าย 5 รายการ ได้แก่ ค่าเล่าเรียน ค่าหนังสือเรียน ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าเครื่องแบบนักเรียน และค่ากิจกรรมการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ซึ่งหากรัฐจัดงบประมาณสนับสนุนค่าใช้จ่ายดังกล่าวครบถ้วนจริง ก็ไม่น่าจะมีค่าใช้จ่ายใดๆ ที่ถึงขนาดที่จะต้องเปิดห้องเรียนขอค่าใช้จ่ายจากผู้ปกครอง เพื่อแลกกับการที่เด็กได้เข้าเรียนอีก

นอกจากนี้ ยังเห็นว่า เป็นนโยบายที่ไม่สอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างประเทศที่ไทยเป็นภาคี ได้แก่ ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ข้อ 20(1) ที่บัญญัติรับรองสิทธิของเด็กในอันที่จะได้รับการศึกษาโดย ให้เปล่าอย่างน้อยในระดับประถมศึกษาและการศึกษาขั้นพื้นฐาน และอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ข้อ 3(1) และข้อ 28(ก) ที่บัญญัติให้รัฐภาคีต้องคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นอันดับแรก และได้รับการศึกษาบนพื้นฐานของโอกาสที่เท่าเทียมกันโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย อีกทั้งแนวนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการเช่นนี้ ยังไม่สอดคล้องกับแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 80(1) และ (3) ในการสนับสนุนและพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา ซึ่งต้องดำเนินการภายใต้หลักความเสมอภาค
กำลังโหลดความคิดเห็น