“วิษณุ” ห่วงนโยบายประชานิยมนำไปสู่หายนะ หากไม่มีการต่อยอดเพื่อให้เกิดความยั่งยืน ที่สุดจะเป็นกรรมที่ตามทันรัฐบาล พร้อมเตือนจ่ายเงินเยียวยาก๊วนแดง 7 ล้านบาท จะถูกดำเนินคดีเหมือนกรณีหวยบนดิน 2 ตัว 3 ตัว หากไม่มี กม.รองรับ
นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้ปาฐกถาในงานสัมมนาของคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง การธนาคารและสถาบันการเงิน วุฒิสภา เรื่อง “ความห่วงใย นโยบายประชานิยม” ว่าทุกรัฐบาลมักจะทำโครงการนโยบายประชานิยม ซึ่งเป็นโครงการเฉพาะหน้า เพื่อหวังผลทางการเมือง ให้ได้รับความนิยมจากประชาชนได้ เมื่อถึงคราวเลือกตั้งจะใช้เพื่อทวงบุญคุณ เพื่อให้ได้รับเลือกตั้งกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ตนมองว่านโยบายประชานิยมควรทำ แต่ต้องดำเนินการภายใต้กรอบ 5 ข้อได้แก่ 1. แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ 2. วินัยทางการเงินการคลัง 3. นิติรัฐ นิติธรรม 4. ธรรมาภิบาล และ 5. อ่านเกมสถานการณ์ในประเทศออก
“ผมมองว่านโยบายประชานิยมเป็นเพียงแค่การปฐมพยาบาลเบื้องต้น ดังนั้นจึงเป็นความเสี่ยง และอาจเป็นหายนะได้ หากทำนโยบายประชานิยมแล้วหยุดอยู่แค่นั้น โดยไม่มีการทำโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาระยะยาว หากจะหวังให้รัฐบาลชุดต่อไปมาดำเนินโครงการต่อ เป็นเรื่องยาก เพราะที่ผ่านมา แม้เป็นรัฐบาลจากพรรคเดียวกัน เช่น สมัยที่นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี ต่อด้วยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นโยบายยังมีการเปลี่ยนแปลง และไม่สานต่อโครงการประชานิยม ดังนั้นพิษของนโยบายประชานิยมในวันนี้ อาจเป็นกรรมที่ตามทันรัฐบาล” นายวิษณุกล่าว
นายวิษณุกล่าวว่า ตัวอย่างของโครงการประชานิยม เช่น โครงการรับจำนำข้าว, การจ่ายเงินเยียวยา, ให้เงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท, ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท เป็นสิ่งที่เพิ่มภาระให้กับรัฐบาล เช่น ขึ้นค่าแรง 300 บาท เดิมทีมองว่าเป็นภาระของผู้ประกอบการ แต่แท้จริงหากผู้ประกอบการไม่สามารถจ่ายได้ และผู้ประกอบการรายย่อยได้รับผลกระทบ รัฐบาลต้องใช้เงินไปอุ้มผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ ประเด็นเงินเยียวยา 7 ล้านบาทเช่นกัน ต้องตอบคำถามให้ได้ว่านำเงินส่วนใด หากเป็นเงินแผ่นดินต้องตอบคำถามให้ได้ว่าจะเกิดผลกระทบหรือไม่ หากเกิดผลกระทบจะหาเงินมาเติมเต็มอย่างไร เช่น ขึ้นภาษีหรือไม่ หรือใช้วิธีการกู้เงินหรือไม่
“โครงการรับจำนำข้าวเปลือกเช่นกัน ที่รัฐต้องนำงบประมาณแผ่นดินไปดูแล ซึ่งโครงการนี้ถือว่ามีความเสี่ยง เนื่องจากราคาข้าวในตลาดไม่มีความแน่นอน ส่วนนโยบายจ่ายเงินเยียวยา 7 ล้านบาท ถามว่าเอาเงินมาจากไหน มีกฎหมายรองรับหรือไม่ ไม่ใช่ว่าจ่ายไปแล้วไม่ถูกกฎหมาย ก็เรียกคืน รัฐบาลอย่าคิดว่าทำได้ไม่ผิดกฎหมาย ไม่งั้นคงไม่มีคดีหวย 2 ตัว 3 ตัว”
นายวิษณุกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า นโยบายประชานิยมของรัฐบาล หวังว่าจะมีการต่อยอดเพื่อทำให้เกิดความยั่งยืนและแก้ไขปัญหา เช่น นโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท หวังว่าจะเป็นการนำไปสู่การปรับปรุงอัตราค่าจ้าง, นโยบายรับจำนำข้าว หวังว่าจะนำไปสู่การจัดระบบใหม่ของราคาผลผลิตทางการเกษตร, นโยบายเงินเดือนผู้จบปริญญาตรี 15,000 บาท หวังว่าจะนำไปสู่การปรับปรุงอัตราค่าจ้างของหน่วยงานราชการ
“วิธีการแบบนี้ คนมีปัญหาเขาใช้ หากคิดแต่ในทางการเมืองอาจจะเกิดปัจจัยเสี่ยง สุดท้ายก็แก้ปัญหาแค่เฉพาะหน้า และรัฐบาลจะต้องเป็นผู้รับกรรมอันนั้น”