นายอำพน กิตติอำพน ประธาน คณะกรรมการ บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) อธิบายเหตุผลในการเลิกจ้าง หรือ "ปลด” นายปิยสวัสดิ์ อมระนันท์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ หรือ ดีดี การบินไทย ว่า เพราะเห็นว่าในช่วงที่ผ่านมา การสื่อสารระหว่างคณะกรรมการการบินไทยกับนายปิยสวัสดิ์ไม่เป็นเอกภาพเท่าที่ควร โดยมีข้อขัดแย้งและถกเถียงกันในเรื่องของยุทธศาสตร์การดำเนินงานของการบินไทย โดยเฉพาะยุทธศาสตร์ด้านการตลาด รวมทั้งประเด็นการสื่อสารกับพนักงานภายในองค์กร และเพื่อให้ผลการดำเนินงานของการบินไทยในปี 2555 เป็นไปตามเป้าหมาย คือมีกำไรประมาณ 6-7 พันล้านบาท จึงต้องเลิกจ้างนายปิยสวัสดิ์
คำอธิบายเรื่อง บอร์ดกับดีดี หรือซีอีโอ คุยกันไม่รู้เรื่อง การทำงานไม่เป็นเอกภาพ จะถูกงัดขึ้นมาอ้าง เมื่อ ฝ่ายการเมือง ต้องการปลดผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ ที่ไม่ใช่พวกของตน แต่ไม่รู้ว่า จะอ้างเหตุอะไร จะอ้างว่า ฝีมือไม่ดี ก็ไมได้ เพราะตัวเลขผลการดำเนิน เป็นหลักฐานที่ใครๆก็บิดเบือนไมได้ จะอ้างว่า ทุจริต ไม่โปร่งใส ก็ไม่มีใครเชื่อ
สมัยที่ พรรคพลังประชาชน เป็นรัฐบาล นายจักรภพ เพ็ญแขเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ต้องการปลด นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ ออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) แต่ไม่รู้จะอ้างเหตุอะไร เพราะนายวสันต์ ทำให้ อสมท. มีกำไร ทำรายการมีคุณภาพ ไม่เคยทำผิดอะไร สุดท้าย นายธงทอง จันทรางศุ ซึ่งเป็นบอร์ด และเป็นโฆษก ของบอร์ด อสมท. ในขณะนั้น ก็งัดเอาข้อหา สไตล์การทำงานของนายวสันต์กับบอร์ดแตกต่างกัน มาแถลงต่อสังคมว่า เป็นสาเหตุที่ทำให้นายวสันต์ลาออก
เชื่อขนมกินได้เลยว่า วันที่นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ถูกปลดจากตำแหน่งงผู้ว่าการธนาคารประเทศไทย เหตุผลที่ว่า ผู้ว่าฯ ทำงานไม่เข้าขากับรัฐมนตรีคลัง และบอร์ด แบงก์ชาติ ก็จะถูกอ้างอีกครั้งหนึ่ง
นายปิยสวัสดิ์ เพิ่งผ่านการประเมินผลการทำงานมาสดๆร้อนๆ โดยได้ คะแนน 4.3 จากคะแนนเต็ม 5 นายอำพนเองก็ยอมรับว่า นายปิยสวัสดิ์ ทำงานให้การบินไทยสำเร็จมาแล้วหลายเรื่อง แต่เพื่อให้การบินไทยบรรลุเป้าหมายจึงต้องเลิกจ้าง เพื่อหาผู้บริหารที่สามารถสื่อสารกับพนักงานเพื่อผลักดันยุทธศาสตร์ต่างๆให้เป็นไปตามเป้าหมายได้
เป้าหมายอะไร ที่นายอำพนอ้างถึง ถ้าเป็นเป้าหมายที่ปีนี้ การบินไทยจะมีกำไร 7,000 ล้านบาท ยังไม่ถึงครึ่งทาง นายปิยสวัสดิ์ ก็ทำได้เกินครึ่งแล้ว ไตรมาส 1 ของปีนี้ การบินไทยมีกำไรสุทธิ 3,600 ล้านบาท เดือนเมษายนที่ผ่านมา มีกำไร 900 ล้านบาท รวมแล้ว 4,500 ล้านบาท
ปีที่แล้ว การบินไทยขาดทุน ประมาณ 10,000 ล้านบาท จากสาเหตุราคาน้ำมันที่สูงขึ้น และเกิดปัญหาภัยพิบัติ ที่ทำให้รายได้ของธุรกิจการบินทั่วโลก ลดต่ำลง การบินไทยเองเจอทั้งผลกระทบจากสึนามิ ที่ญี่ปุ่น และ น้ำท่วมในประเทศไทย
ปีก่อนหน้านั้น คือ ปี 2553 ซึ่งนายปิยสวัสดิ์ เป็นดีดีเต็มปี การบินไทยมีกำไรถึง 14,000 ล้านบาท พลิกฐานะการเงิน ที่เคยอยู่ในอาการร่อแร่ ให้กลับมาเข้มแข็งได้ ทั้งจากการเพิ่มรายได้ ลดต้นทุน ปรับโครงสร้างการเงินของบริษัท จากที่เคยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนสูงถึง 3 เท่า ลดลงมาเหลือเพียง 1 เท่ากว่า ๆ เท่านั้น
ปีที่แล้ว การบินไทย ได้รับการจัดอันดับ โดยสกายแทรกซ์ ให้เป็น สายการบินอันดับ 5 ของโลก ที่ผู้โดยสารมีความพึงพอใจมากที่สุด นิตยสาร Business Traveller จัดอันดับให้เป็นสายการบินยอดเยี่ยม อันดับ 2 ของ โลก และ อันดับ 2 ของเอเชีย ซึ่งเป็นเป้าหมายที่นายปิยสวัสดิ์ ประกาศให้รับรู้ทั่วกันในวันที่เขาเข้ารับตำแหน่งดีดี เมือปลายปี 2552 ว่า จะทำให้การบินไทย เป็นสายการบินที่ดีที่สุด 1 ใน 5 ของโลก และ 1 ใน 3 ของเอเชีย
ผลงาน และความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมของนายปิยสวัสดิ์นี้ ทำให้นายอำพน ยากที่จะทำให้สังคมเชื่อได้ว่า การปลดนายปิยสวัสด์ครั้งนี้ ไม่ใช่เหตุผลทางการเมือง
เช้าวันนี้ นายอำพนตื่นนอน ส่องกระจกแล้ว กล้าพูดกับคนในกระจกไหมว่า ไม่ได้พูดโกหก ที่บอกว่า นายปิยสวัสดิ์ คุยกับบอร์ดไม่รู้เรื่อง จึงต้องปลดนายปิยสวัสดิ์
นายอำพนกับนายปิยสวัสดิ์ เคยร่วมงานกันที่ สภาพัฒน์ฯ มาก่อน สองปีกว่าที่นายปิยสวัสดิ์ เป็นดีดี การบินไทย และนายอำพน เป็นประธานบอร์ด ไม่เคยมีข่าวความขัดแย้งระหว่างสองคนนี้ มีแต่เรื่องเตะตัดขานายปิยสวัสดิ์ โดยบอร์ดที่มาจากกระทรวงคมนาคม นายอำพนเคยช่วยแก้ไขปัญหาคอขาดบาดตายของนายปิยสวัสดิ์ที่ไม่ยอมทำตามความประสงค์บางอย่างของใครบางคน เมื่อมีการเปลี่ยนขั้วการเมือง จากพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคเพื่อไทย นายอำพนเคยบอกว่า จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งสำคัญๆ ในการบินไทยอย่างน้อยที่สุด 3 ตำแหน่ง 2 ใน 3 คือ ตัวเขา และนายปิยสวัสดิ์
การประชุม บอร์ดการบินไทยวานนี้ เป็นการพิจารณาวาระ การประเมินผลงานของนายปิยสวัสดิ์ ซึ่งผ่านการประเมินด้วยคะแนน 4.3 จากคะแนนเต็ม 5 หลังจากนั้น นายปิยสวัสดิ์ ถูกเชิญออกจากที่ประชุม เพราะเป็นการประชุมลับ วาระ เลิกจ้างนายปิยสวัสดิ์ นายปิยสวัสดิ์ เพิ่งจะรู้จากนายอำพนว่า จะมีวาระเรื่องนี้ เพียงไม่กี่นาที
“กบ” เป็นสัตว์เลือดเย็น อยู่ได้ทั้งในน้ำและบนบก ชอบอาศัยอยู่ในที่สะอาด และไม่มีศัตรู เช่น นก หรือ งู ตกใจง่าย ขี้หวาดกลัว และกระโดดหนีอย่างรุนแรง ถ้าตกใจมากๆ มักจะเปลี่ยนสีผิวหนังไปตามสีของสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย ช่วงต้นฤดูฝนใหม่ๆ กบจะเป็นโรคต่างๆ ได้ง่าย เช่น โรคตาขาว โรคกระแตเวียน โรคปากแดง ฯลฯ