พท.เล่นไม่เลิก ยื่นผู้ตรวจการแผ่นดิน สอบ “อภิสิทธิ์” หนีเกณฑ์ทหาร พร้อมจี้ถอดยศ เรียกคืนเงินเบี้ยหวัดสมัยรับราชการโรงเรียนนายร้อย จปร. ขณะเดียวกันเตรียมยื่น สตง.สอบ กทม.ฮั้ว กรุงเทพธนาคมให้สัมปทานส่วนต่อขยายบีทีเอสสายสีลม
วันนี้ (21 พ.ค.) นายกมล บันไดเพชร กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะทำงานฝ่ายการเมือง แถลงว่า ตามที่ตนได้มีหนังสือถึง รมว.กลาโหม เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 52 ขอให้ถอดยศและเรียกคืนเงินเดือนเบี้ยหวัดที่ได้รับของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และผู้นำฝ่ายค้าน กรณีเข้ารับราชการที่โรงเรียนนายร้อย จปร. โดยขาดคุณสมบัติในการเข้ารับราชการตามระเบียบของกระทรวงกลาโหม เนื่องจากนายอภิสิทธิ์ ไม่ได้เข้ารับการเกณฑ์ทหาร ทำให้ไม่สามารถเข้ารับราชการได้ แต่ข้อชี้แจงทางกระทรวงกลาโหมกลับปรากฎหลักฐานว่า นายอภิสิทธิ์ สมัครเข้ารับราชการทหารที่โรงเรียนนายร้อย จปร. โดยขาดหลักฐานการเข้ารับการตรวจเลือกทหารหรือหลักฐานผ่อนผัน ไม่ต้องเข้ารับการตรวจเลือกทหาร แต่ใช้หนังสือรับรองอันเป็นเท็จว่าได้รับการผ่อนผันไม่ต้องเข้ารับการตรวจเลือกทหารจนได้รับการบรรจุเข้ารับราชการที่โรงเรียนนายร้อย จปร. การบรรจุเข้ารับราชการของนายอภิสิทธิ์ จึงไม่ชอบด้วยระเบียบและกฎหมาย ไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินเดือนเบี้ยหวัดและยศทหาร ดังนั้น เมื่อเรื่องดังกล่าวไม่มีความคืบหน้า ตนจึงจะเดินทางไปยื่นเรื่องนี้ต่อประธานผู้ตรวจการแผ่นดินในวันที่ 22 พ.ค.นี้
ด้าน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า อยากเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ ออกมาชี้แจงในเรื่องดังกล่าว ก่อนที่จะตรวจคนอื่นให้ตรวจสอบตนเองเสียก่อน และควรแสดงความรับผิดชอบ
นายจิรายุยังกล่าวถึงการเซ็นสัญญารถไฟฟ้าบีทีเอสว่า ที่ประชุมของคณะกรรมการติดตามทุจริตของพรรคเพื่อไทย มีมติว่าในวันที่ 22 พ.ค. เวลา 10.00 น. จะไปยื่นเรื่องต่อสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เพื่อขอให้ตรวจสอบกรุงเทพมหานคร กับบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด วิสาหกิจของกรุงเทพฯ และหน่วยงานของรัฐ ในการใช้เงินงบประมาณและการใช้ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นทรัพย์สินของกรุงเทพมหานคร ในกรณีการจ้างเอกชนรายบริษัทว่าเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติ ครม. และแผนปฏิบัติราชการในการบริหารการเงินของรัฐว่ามีการทุจริตในการใช้งบประมาณ ดังนี้
1. ขอให้ตรวจสอบบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด จึงไม่ยอมให้ สตง. ดำเนินการตรวจสอบบัญชีรายงานการรับจ่ายเงินประจำปีงบประมาณ 2. ขอให้ตรวจสอบงบประมาณของกรุงเทพมหานคร ในการจ้างบริบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ไปทำสัญญาจ้างกับบีทีเอสซีในการบริหารจัดการเดินรถโครงการระบบขนส่งมวลชน กทม. ส่วนต่อขยายสายสีลม
3. ขอให้ตรวจสอบการใช้งบประมาณที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. และนายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯกทม. อ้างว่าเป็นเงินที่ กทม.ต้องใช้งบประมาณมาจ่ายจริงเพียง 6,400 ล้านบาทเท่านั้นในการจ้าง บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด 4. ขอให้ตรวจสอบการประมูลโครงการส่วนต่อขยายสายสีลม ที่ไม่มีการเปิดโอกาสให้เอกชนรายอื่นเข้าร่วมประมูล
5. ขอให้ทำการศึกษาและความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีการบริหารจัดการเดินรถเส้นทางสถานีหมอชิต-อ่อนนุช และสนามกีฬาแห่งชาติ-สะพานตากสิน เป็นการใช้ทรัพย์สินของ กทม. เกินกว่า 1,000 ล้านบาท ภายหลังสัญญาสัมปทานสิ้นสุดลงในปี 2572 6. ขอให้ทำการศึกษาและความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีที่ ผู้ว่าฯ กทม.และรองผู้ว่าฯ กทม. อ้างว่าเงินที่ กทม. ต้องใช้ งบประมาณจ่ายจริงเพียง 6,400 บาทนั้นว่าจะมีผลกระทบต่อการจัดทำงบประมาณของ กทม. หรือไม่
7. ขอให้ตรวจสอบการใช้จ่ายเงินงบประมาณของ กทม. ในกรณีที่ต้องจ่ายเงิน 6,472 ล้านบาท เป็นค่าชดเชยให้บีทีเอส ที่อ้างว่าสูญเสียรายได้และขาดทุน ในเส้นทางที่เป็นส่วนต่อขยายว่า เป็นไปอย่างถูกต้องและไปตามมติ ครม.หรือไม่ และ 8. ขอให้ตรวจสอบการจัดเก็บรายได้จากการให้บริการเดินรถส่วนต่อขยายสายสีลม ที่เป็นไปตามสัญญา ตั้งแต่เดือน พ.ค. ปี 52 ของ กทม.และบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด รวมทั้งตรวจสอบการประเมินรายได้ ที่ กทม.และบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด จัดเก็บ ที่ผู้ว่าฯ และรองผู้ว่าฯ กทม. อ้างว่า ตามสัญญา 30 ปี จะมีรายได้ประมาณ 3 แสนบาทและกทม.และบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด
จะมีส่วนแบ่งรายได้ประมาณ 110,000 บาท และบีทีเอส จะมีรายได้ประมาณ 190,000 บาท