พท.ยื่นผู้ตรวจฯ เพื่อให้ดำเนินการสั่งกลาโหมเพิกถอนคำสั่งบรรจุแต่งตั้ง “มาร์ค” เข้ารับราชการทหารเมื่อปี 2530 เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ เพราะใช้หนังสือรับรองอันเป็นเท็จ เรียกคืนเงินเดือนสิทธิประโยชน์อื่นที่ได้รับไปกลับคืน
วันนี้ (21 พ.ค.) นายกมล บันไดเพชร สมาชิกพรรคเพื่อไทย ได้เข้ายื่นหนังสือพร้อมหลักฐานต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายสงัด ปัถวี รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อดำเนินการให้ รมว.กลาโหม มีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งบรรจุแต่งตั้งนายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เข้ารับราชการทหารเมื่อปี 2530 เนื่องจากเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยระเบียบกฎหมาย และเรียกคืนเงินเดือนสิทธิประโยชน์อื่นที่ได้รับไปกลับคืน
ทั้งนี้ นายกมลกล่าวว่า ได้ติดตามเรื่องนี้มาตลอด 12 ปี กรณีที่เกิดขึ้นเป็นการทุจริตเข้ารับราชการ ซึ่งนายอภิสิทธิ์ได้สมัครเข้ารับราชการที่โรงเรียนนายร้อย จปร.โดยขาดหลักฐานการเข้ารับการตรวจเลือกทหาร หรือหลักฐานผ่อนผันไม่ต้องเข้ารับการตรวจเลือกทหาร แต่ใช้หนังสือรับรองอันเป็นเท็จว่าได้รับการผ่อนผันไม่ต้องเข้ารับการตรวจเลือกทหารจนได้รับการบบรรจุเข้ารับราชการที่โรงเรียนนายร้อย จปร. และใช้หนังสือสำคัญทางทหาร (สด.9) อันเป็นเท็จจนได้รับการแต่งตั้งเป็นนายทหารสัญญาบัตร ซึ่งในสำเนารายงานผลการสอบสวนที่ พล.ต.วันชัย อิทธิวิบูลย์ เจ้ากรมจเรทหารบกเป็นผู้ทำบันทึกถึง รมว.กลาโหมฉบับลงวันที่ 19 พ.ค. 42 ก็ระบุว่า นายอภิสิทธิ์ เป็นบุคคลที่มีคุณลักษณะขัดต่อหลักเกณฑ์ของกองทัพบก ที่สามารถเข้ารับการราชการได้ เนื่องจากไม่ผ่านการตรวจเลือก และไม่มีหลักฐานทางทหารนำมาส่งมอบประกอบเอกสารการบรรจุ เพราะเป็นบุคคลขาดการตรวจเลือก หากจะดำเนินการบรรจุเข้ารับราชการต้องภายหลังถูกส่งตัวดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร 2497 พร้อมกับส่งตัวเข้ากองประจำการจนครบกำหนดก่อน แต่ รมว.กลาโหมก็กลับไม่ดำเนินการ และชี้แจงว่านายอภิสิทธิ์ยังเป็นผู้มีสิทธิในยศทหาร มีสิทธิได้รับเงินเดือน เบี้ยหวัด และไม่อยู่ในหลักเกณฑ์การถอดยศทหารและบรรดาศักดิ์ พ.ส. 2507 และข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยเบี้ยหวัด 2495
“จากหลักฐานและการสอบสวนของกระทรวงกลาโหมก็ชัดเจนแล้วว่า การบรรจุเข้ารับราชการของนายอภิสิทธิ์ไม่ชอบด้วยระเบียบกฎหมาย แม้นายอภิสิทธิ์จะลาออกจากราชการกระทรวงกลาโหมแล้ว แต่หากไม่มีการเพิกถอนคำสั่งบรรจุแต่งตั้งเข้ารับราชการที่เป็นคำสั่งทางปกครอง คำสั่งดังกล่าวก็ยังมีผลอยู่ นายอภิสิทธิ์ก็ยังคงมีสิทธิใช้ยศทหารรับเบี้ยหวัด และรับสิทธิประโยชน์อื่นจากกระทรวงกลาโหมได้อยู่ จึงเป็นหน้าที่ของกระทรวงกลาโหมที่ต้องรักษาประโยชน์ของทางราชการใช้สิทธิติดตามเอาคืนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ซึ่งไม่มีกำหนดอายุความ นายกมลกล่าวพร้อมกับนายอภิสิทธิ์ให้ฟ้องตนได้หากเห็นว่าหลักฐานที่ตนนำมาร้องนั้นเป็นเท็จ
ด้าน นายสงัดกล่าวว่า จะเสนอเรื่องนี้ต่อที่ประชุมผู้ตรวจการแผ่นดินในการประชุมสัปดาห์หน้า ให้พิจารณาว่าจะรับคำร้องไว้พิจารณาดำเนินการหรือไม่
วันนี้ (21 พ.ค.) นายกมล บันไดเพชร สมาชิกพรรคเพื่อไทย ได้เข้ายื่นหนังสือพร้อมหลักฐานต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายสงัด ปัถวี รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อดำเนินการให้ รมว.กลาโหม มีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งบรรจุแต่งตั้งนายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เข้ารับราชการทหารเมื่อปี 2530 เนื่องจากเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยระเบียบกฎหมาย และเรียกคืนเงินเดือนสิทธิประโยชน์อื่นที่ได้รับไปกลับคืน
ทั้งนี้ นายกมลกล่าวว่า ได้ติดตามเรื่องนี้มาตลอด 12 ปี กรณีที่เกิดขึ้นเป็นการทุจริตเข้ารับราชการ ซึ่งนายอภิสิทธิ์ได้สมัครเข้ารับราชการที่โรงเรียนนายร้อย จปร.โดยขาดหลักฐานการเข้ารับการตรวจเลือกทหาร หรือหลักฐานผ่อนผันไม่ต้องเข้ารับการตรวจเลือกทหาร แต่ใช้หนังสือรับรองอันเป็นเท็จว่าได้รับการผ่อนผันไม่ต้องเข้ารับการตรวจเลือกทหารจนได้รับการบบรรจุเข้ารับราชการที่โรงเรียนนายร้อย จปร. และใช้หนังสือสำคัญทางทหาร (สด.9) อันเป็นเท็จจนได้รับการแต่งตั้งเป็นนายทหารสัญญาบัตร ซึ่งในสำเนารายงานผลการสอบสวนที่ พล.ต.วันชัย อิทธิวิบูลย์ เจ้ากรมจเรทหารบกเป็นผู้ทำบันทึกถึง รมว.กลาโหมฉบับลงวันที่ 19 พ.ค. 42 ก็ระบุว่า นายอภิสิทธิ์ เป็นบุคคลที่มีคุณลักษณะขัดต่อหลักเกณฑ์ของกองทัพบก ที่สามารถเข้ารับการราชการได้ เนื่องจากไม่ผ่านการตรวจเลือก และไม่มีหลักฐานทางทหารนำมาส่งมอบประกอบเอกสารการบรรจุ เพราะเป็นบุคคลขาดการตรวจเลือก หากจะดำเนินการบรรจุเข้ารับราชการต้องภายหลังถูกส่งตัวดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร 2497 พร้อมกับส่งตัวเข้ากองประจำการจนครบกำหนดก่อน แต่ รมว.กลาโหมก็กลับไม่ดำเนินการ และชี้แจงว่านายอภิสิทธิ์ยังเป็นผู้มีสิทธิในยศทหาร มีสิทธิได้รับเงินเดือน เบี้ยหวัด และไม่อยู่ในหลักเกณฑ์การถอดยศทหารและบรรดาศักดิ์ พ.ส. 2507 และข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยเบี้ยหวัด 2495
“จากหลักฐานและการสอบสวนของกระทรวงกลาโหมก็ชัดเจนแล้วว่า การบรรจุเข้ารับราชการของนายอภิสิทธิ์ไม่ชอบด้วยระเบียบกฎหมาย แม้นายอภิสิทธิ์จะลาออกจากราชการกระทรวงกลาโหมแล้ว แต่หากไม่มีการเพิกถอนคำสั่งบรรจุแต่งตั้งเข้ารับราชการที่เป็นคำสั่งทางปกครอง คำสั่งดังกล่าวก็ยังมีผลอยู่ นายอภิสิทธิ์ก็ยังคงมีสิทธิใช้ยศทหารรับเบี้ยหวัด และรับสิทธิประโยชน์อื่นจากกระทรวงกลาโหมได้อยู่ จึงเป็นหน้าที่ของกระทรวงกลาโหมที่ต้องรักษาประโยชน์ของทางราชการใช้สิทธิติดตามเอาคืนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ซึ่งไม่มีกำหนดอายุความ นายกมลกล่าวพร้อมกับนายอภิสิทธิ์ให้ฟ้องตนได้หากเห็นว่าหลักฐานที่ตนนำมาร้องนั้นเป็นเท็จ
ด้าน นายสงัดกล่าวว่า จะเสนอเรื่องนี้ต่อที่ประชุมผู้ตรวจการแผ่นดินในการประชุมสัปดาห์หน้า ให้พิจารณาว่าจะรับคำร้องไว้พิจารณาดำเนินการหรือไม่