“รัฐบาล” จัดเต็ม งดเก็บภาษีเงินเยียวยาเหยื่อการเมือง-ไฟใต้ ครม.รับทราบ คงค่าโดยสารรถไฟใต้ดิน พร้อมปรับอัตราใหม่ 16-40 วันที่ 3 ต.ค. เป็นเวลา 3 เดือน พร้อมอนุมัติงบ 400 ล้านบาท ให้ไอซีที เพื่อดำเนินการเรื่องแท็บเล็ต
วันนี้ (20 พ.ค.) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองและผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ปี 2548-2553 หลังจากที่ ครม.มีมติเห็นชอบให้จ่ายเงินชดเชยเยียวยา ซึ่งโดยปกติจะต้องเสียภาษีตามประมวลรัษฎากร โดยสาระสำคัญเพื่อเป็นไปโดยความเสมอภาคและความเป็นธรรม จึงเห็นควรกำหนดให้เป็นนโยบายรัฐบาล โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 42 (17) แห่งประมวลรัษฎากร ตราเป็นกฎกระทรวง เพื่อกำหนดให้เงินช่วยเหลือเยียวยาและประโยชน์อย่างอื่นซึ่งอาจคิดคำนวณเป็นเงินที่ผู้ได้รับผลกระทบทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลซึ่งเป็นผู้เสียหายจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองและจากเหตุการณ์ความไม่สงบจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ได้รับจากรัฐ เป็นเงินที่ได้รับการยกเว้นภาษี และมอบหมายกระทรวงการคลังตราเป็นกฎกระทรวงต่อไป
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.คมนาคม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ตามที่
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ไปเจรจากับผู้บริหารของ บมจ.รถไฟฟ้ากรุงเทพ (BMCL) เพื่อขอให้ผ่อนผันการปรับขึ้นราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดิน ซึ่งผลการเจรจาทาง BMCL ยินยอมคงอัตราค่าโดยสารที่ 16-40 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค.-2 ต.ค. 55 ในรูปแบบโปรโมชั่น อย่างไรก็ตาม การปรับอัตราราคาเพิ่มรูปแบบใหม่ที่ 16-40 บาท ใน 7 สถานี จากทั้งหมด 17 สถานี จะเริ่มตั้งแต่ 3 ต.ค. 55 เป็นต้นไป โดยที่รัฐบาลไม่ต้องจ่ายชดเชยแต่ประการใด ทั้งนี้ การปรับอัตราค่าโดยสาร การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยยังคงต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎสัญญาที่เกี่ยวข้อง ก็คือการประกาศอัตราค่าโดยสารก่อนบังคับใช้ ไม่น้อยกว่า 30 วัน เพราะฉะนั้นจึงต้องประกาศก่อนวันที่ 4
มิ.ย. 55 นี้ ดังนั้น ครม.จึงมีมติเห็นชอบให้ประกาศขึ้นค่ารถไฟ แต่จะไปเริ่มต้นใช้ในวันที่ 3
ดังกล่าว
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ที่ประชุม ครม.อนุมัติงบกลางจำนวน 400 ล้านบาทให้แก่ ไอซีที เนื่องจากว่าทางกระทรวงมีความจำเป็นต้องขอรับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม เพื่อดำเนินการจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์พกพาหรือแท็บเล็ต ระบบเครือข่ายไว-ไฟ รวมถึงโครงการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำระบบการเรียนการสอน ซึ่งงบประมาณที่ยังขาดอยู่ ทั้งเรื่องการจัดหาแท็บเล็ต รวมถึงวางระบบสนับสนุนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการพัฒนาสื่อการเรียนการสอน และพัฒนาบุคลากรของส่วนราชการ ตลอดจนดำเนินการในเรื่องที่สำคัญ ติดตามประเมินผลและวิเคราะห์งานของโครงการแท็บเล็ต และส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากเครื่องแท็บเล็ต
