“ประธาน ป.ป.ช.” เสนอรัฐตั้งงบประมาณเฉพาะจัดการปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน พร้อมเสนอ 4 ยุทธศาสตร์ปราบโกงอย่างจริงจัง ชี้คอร์รัปชันมีความซับซ้อนและรุนแรง ขยายวงกว้างโดยเฉพาะในระดับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
วันนี้ (18 พ.ค.) นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) บรรยายพิเศษเรื่อง “แนวทางการขับเคบื่อนยุทธศาสตร์ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต” ในการประชุมเชิงปฏิบัติการ “ยุทธศาสตร์ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน” ภายใต้แนวคิด “ประเทศไทยก้าวไกลไร้ทุจริต” ณ ห้องประชุมวายุภักษ์ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 แจ้งวัฒนะ
ทั้งนี้ นายปานเทพได้กล่าวตอนหนึ่งว่า ปัญหาคอร์รัปชันถือเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ ซึ่งปัจจัยความสำเร็จขอการต่อสู้นั้น ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันผลักดัน ขณะที่ ป.ป.ช.ได้ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติในการป้องกันและปรามการทุจริต โดยมี 4 เรื่อง คือ 1. ให้ความสำคัญต่องานป้องกันและปลูกฝังจิตสำนึก คุณธรรมจริยธรรมในทุกภาคส่วน 2. การปราบปรามทุจริตต้องรวมพลังแผ่นดินใช้ทุกภาคส่วนร่วมมือ 3. เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้หน่วยงานในการต่อต้านทุจริต โดยเรื่องนี้นั้น ป.ป.ช.ก็ได้ปฏิรูปกฎหมายในการปราบปรามทุจริตแล้ว และ 4. การสร้างบุคลากรมืออาชีพป้องกันและปราบปรามการทุจริตซึ่งขณะนี้การทุจริตมีความซับซ้อน บุคลากรจึงต้องมีความรู้
อย่างไรก็ตาม การดำเนินยุทธศาสตร์ทั้ง 4 ด้านยังมีข้อจำกัดในทางปฏิบัติที่ยังต้องแก้ไข เพราะทำให้ขับเคลื่อนไม่ได้ โดยรัฐบาลต้องให้ความสำคัญและจริงจังในการป้องกันปราบปรามทุจริต โดยเฉพาะเรื่องการสนับสนุนงบประมาณของภาครัฐก็ยังไม่ชัดเจน เพราะเป็นงบประมาณยังไม่ได้ระบุเรื่องการปราบปรามการทุจริต แต่เป็นงบประมาณเกลี่ยของแต่ละหน่วยงาน ทำให้ต้องใช้งบประมาณของตัวเองก่อน
นอกจากนี้ ปัจจุบันการทุจริตคอร์รัปชันมีความซับซ้อนและรุนแรง ขยายวงกว้างในทุกภาคส่วน โดยเฉพาะในระดับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐบาลต้องให้ความสำคัญต่อการกระจายตัวของงบประมาณในท้องที่ต่างๆ อย่างเหมาะสม โดยเฉพาะท้องที่ที่มีปัญคงวามรุนแรงในการทุจริต ขณะที่ภาคเอกชนก็มีการรวมตัวกันในการต่อต้านทุจริตอย่างเข้มแข็ง ซึ่งการจัดซื้อจัดจ้างก็เป็นเรื่องสำคัญและเป็นช่องทางที่ทำให้มีการทุจริตอย่างมาก แต่ก็มีการป้องกันอยู่ในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญแล้ว