เกาะกระแส
โดย...ก้อนกรวด
00 เริ่มมาถึงช่วงสำคัญ ต้องเปลือยตัวตนให้เห็นออกมาเรื่อยๆ เริ่มโทษคนอื่นได้น้อยลง ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งชาวบ้านทั้งที่เป็นพวกเดียวกัน ประเภทแดงหรือไม่แดงก็เริ่มมองเห็นแล้วว่าที่แท้ ทั้ง ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สองพี่น้องและคนในครอบครัวนี้ที่แท้ก็เป็น “นักต้มตุ๋น” หลอก และเอาเปรียบคนไทยทั้งประเทศมานานแล้ว และในที่สุดชาวบ้านก็เริ่ม “ตาสว่าง” มากขึ้นเรื่อยๆ ว่าที่แท้แล้วมัน “ไม่ใช่เทวดา” ที่ผ่านมาใช้วิธีโฆษณาชวนเชื่อ ใช้นโยบายประชานิยมมาล่อให้หลงใหลเคลิบเคลิ้ม
00 ที่ผ่านมาก็โหมใช้นโยบายดังกล่าวมาหลอกล่อจนชาวบ้านเสพติด ซึ่งก็ได้ผล เพราะที่ผ่านมาสามารถสร้างคะแนนนิยมตุนเอาไว้มาหากินมานาน แต่เมื่อสถานการณ์ ศก.โลกเปลี่ยนไปเป็นวิกฤติมันก็ย่อมส่งผลต่อนโยบายประชานิยมของ ทักษิณ ตามไปด้วย เนื่องจากต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก มีแต่รายจ่ายแทบไม่มีรายได้เข้ามา นอกจากนี้ยังไปเกี่ยวข้องกับ “ต้นทุน” ของภาคเอกชนอย่างเช่น นโยบายค่าแรงวันละ 300 บาทที่พวกทุนเล็กบ่นกันพึมเพราะต้องแบกค่าใช้จ่ายเพิ่ม มันก็เริ่มไม่สนุก
00 เมื่อมาบวกกับต้นทุนพื้นฐานในเรื่องราคาพลังงาน ที่รัฐบาลไพร่ทักษิณ เลือกที่จะอุ้มผู้ถือหุ้นบริษัทน้ำมันปรับราคาทุกวันที่ 16 ของเดือน ทำให้ราคาสินค้าทั้งที่มีต้นทุนเพิ่มหรือไม่ปรับราคาขึ้นไปแบบแพงกระฉูด และบางอย่างได้ปรับไปล่วงหน้าก่อนที่มีการปรับค่าจ้างนำร่องแค่ 7 จังหวัดด้วยซ้ำไป เมื่อรายจ่ายเพิ่ม แต่รายได้เท่าเดิมทำให้ชาวบ้านส่วนใหญ่ต้องเลือกวิธีการประหยัด ใช้จ่ายน้อยลง ทำให้เวลานี้ศก.เริ่มฝืดเคือง เนื่องจากมีเสียงบ่นจากแม่ค้าพ่อค้าว่า “ขายของไม่ได้” แน่นอนว่าไม่ได้ “คิดไปเอง” แน่นอน และ “แพงทั้งแผ่นดิน” กำลังย้อนกลับมารัดคอ ปู-แม้ว ภาพลักษณ์ของฮีโร่-เทวดากำลังลดลงเรื่อยๆ และไม่แน่ว่ามันจะส่งผลให้การแก้ไข รธน.-นิรโทษฯที่รอตั้งแท่นเอาไว้ต้องล้มเหลวลงไปก็ได้
00 ต้องบอกว่าเป็นประวัติศาสตร์ชาติไทยจริงๆที่รัฐบาลกำลังจะควบคุมราคาข้าวราดแกง และแกงถุง เพราะต่อไปนี้ถ้าขายเกินราคาที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดก็อาจเจอคุก ไม่เกิน 7 ปีปรับไม่เกิน 140,000 บาท และต่อไปนี้เราก็จะได้เห็น รมว.พาณิชย์ บุญทรง เตริยาภิรมย์ กับ ปลัดพาณิชย์ ยรรยง พวงราช ไล่จับแม่ค้าตามท้องตลาดข้างถนน มันพิลึก อยากจะฮา แต่ฮาไม่ออก เพราะนี่คือภาพสะท้อนความห่วยแตก เป็นแค่มือสมัครเล่น แต่แค่แหกตาว่าเป็นมืออาชีพหลอกต้มชาวบ้านไปวันๆ มาถึงวันนี้ก็คงได้เห็นความจริงกันเสียที อย่างไรก็ดีโชคดีที่ยุติเลิกไปเสียก่อน ครม.ไม่บ้าจี้ตาม แต่เอาแค่เบาะๆให้ประกาศราคาแนะนำกดดันกันทางอ้อม ทุด !!
00 ผวาเสียงด่าที่จะเพิ่มแรงกระแทกจนแก้หูแตกก็เป็นได้ทำให้ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่คราวนี้มี กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯและรมว.คลังเป็นประธานแทน นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ชิ่งไปเยือนบาห์เรนและกาต้าร์พอดี มีมติยืดเวลาการปรับขึ้นราคาก๊าซและก๊าสแอลพีจีภาคขนส่งออกไปอีก 3 เดือนคือตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค.ถึง 15 ส.ค.พร้อมทั้งงดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอลล์ออกไปก่อน ทำให้ในวันที่ 16 พ.ค.จะไม่มีการปรับขึ้นราคาเบนซิน หวังว่าต้นทุนสินค้าจะลดลง แม้ว่ามองในแง่ดีอาจทำให้ข้ออ้างเรื่องต้นทุนจะหยุดลงบ้าง แต่อีกด้านหนึ่งต้องเข้าใจว่านี่เป็นการ “อั้นไว้ชั่วคราว” ถึงเวลาก็ต้องปรับขึ้นพรวดเดียวตามโครงสร้างราคาพลังงานที่กำหนดเอาไว้ ทีนี้แหละจะ “แพงรวดเดียว” โชคดีนะพี่น้อง !!