สะเก็ดไฟ
วาทกรรม “ปลาบู่ชนเขื่อน” ของยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ที่ให้ฉายา ชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โทรโข่งพรรคประชาธิปัตย์ หลังเกิดอาการปรี๊ดแตกที่ถูกจับผิดว่ามีการปั้นตัวเลข “หลอกทั้งแผ่นดิน”
ว่าด้วยเรื่องราคาสินค้าไม่แพง คนคิดไปเอง ไปจนถึงการเสกเงินเฟ้อให้ลดลงเหลือแค่ 2.47% สวนทางกับความจริงที่ราคาสินค้ามีแต่จะสูงขึ้น แต่ตัวเลขเงินเฟ้อของกระทรวงพาณิชย์ในเดือนเมษายน กลับหดตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ
ถ้าไม่หลอกทั้งแผ่นดิน ก็เท่ากับเศรษฐกิจไทยกำลัง เจ๊งทั้งแผ่นดิน!
แต่แทนที่คนเป็นปลัดกระทรวงพาณิชย์ จะนั่งวิเคราะห์ตัวเลขเพื่อหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจว่ากำลังประสบภาวะ “เงินฝืด” ซ้อน “เงินเฟ้อ” หรือไม่ สิ่งที่ ยรรยง ทำกลับกลายเป็นการสวมบทตัวแทนพรรคเพื่อไทย
ลงมาคลุกวงใน ด่าฝ่ายค้านที่ทำหน้าที่ตรวจสอบซะงั้น
ทำเอาเซียนการเมืองถึงกับกุมขมับว่า เป็นไปได้ถึงขนาดนี้ ข้าราชการไทยในยุคระบอบทักษิณเรืองอำนาจ ไม่ต้องมีศักดิ์ศรี หลงเหลือเกียรติยศอะไรอีกแล้ว เลียกันโต้งๆ หมอบกราบกันจะๆ ไปเลย จะได้เข้าตำราที่ “นพเหล่” ออกมาจั่วหัวไว้ว่า “ใครรับใช้ถวายหัวให้นายใหญ่ รับรองมีงานทำทุกคน”
เข้าทำนองทำผลงานให้ประจักษ์แล้วจะได้รับการปูนบำเหน็จความดีความชอบ
ยรรยง ก็เลยสนองคุณนายใหญ่คนพลัดแผ่นดินกันแบบไม่อ้อมค้อม ตีระฆังยกที่ 1 ชนกับโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แทนพรรคเพื่อไทยซะเลย
จะว่าไปแล้วพฤติกรรมดิบ พร่องวุฒิภาวะ เป็นขี้ข้าการเมืองเช่นนี้ มิได้เพิ่งแสดงออกให้สังคมได้เห็นเป็นครั้งแรก เพราะชีวิตของผู้ชายที่ชื่อ ยรรยง พวงราช นั้น ตำแหน่งที่ได้มา ก็เป็นเพราะชิวหาล้วนๆ
เริ่มเป็นใหญ่เป็นโตในยุคที่ วัฒนา เมืองสุข เป็น รมว.พาณิชย์? ดึงตัวจากอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา มาเป็นรองปลัดกระทรวงพาณิชย์ ก่อนที่จะมาเกี่ยวข้องงานใหญ่ ในคดี “กุหลาบแก้ว” อันลือลั่น
อันเป็นคดีนอมินีถือหุ้นแทนคนต่างด้าว ของบริษัท กุหลาบแก้ว ที่อาจกระทบดีล ขายหุ้นของนายใหญ่ให้กับเทมาเส็ก มูลค่า 7.3 หมื่นล้านบาทพังทลายลง ใช้อำนาจในกระทรวงพาณิชย์ ตั้งคณะกรรมการขึ้นตรวจสอบ กรณีนอมินีกุหลาบแก้วใหม่ ก่อนจะสรุปผลว่าไม่มีอะไรในกอไผ่ ขัดแย้งกับข้อเท็จจริงก่อนหน้านี้ที่ผลสอบสวนของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า สรุปว่ามีความผิด แต่ก็เกิดการเล่นแร่แปรธาตุภายในกระทรวงจน “ความยุติธรรมตรงใจนักโทษ” คือ “ทักษิณ” ไม่เคยผิด และไม่มีวันผิด จึงจะเรียกว่ายุติธรรม
การรับใช้แบบสุดลิ่มทิ่มประตู ยังส่งต่อทายาทมาให้ พรทิวา นาคาศัย อดีต รมว.พาณิชย์ จากพรรคภูมิใจไทย ได้ร้อยจมูกไว้ใช้งานต่อ
ในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยรรยง ถูกขวางไม่ให้ถึงฝั่งฝันขึ้นแท่นเป็นปลัดกระทรวงพาณิชย์ กระทั่งปรากฏเป็นข่าวเป็นคราวอึกทึกครึกโครม ว่า อภิสิทธิ์ สั่งเบรกการแต่งตั้ง ยรรยงหลายครั้ง จน พรทิวา ใช้วิธีหักคอพา ยรรยง ไปไหว้กราบกรานขอโอกาสจาก อภิสิทธิ์ ถึงที่สภา
ทำให้ท้ายที่สุด ยรรยงก็ได้เป็นปลัดพาณิชย์สมใจอยาก และยังเป็นปลัดได้ แม้การเมืองจะเปลี่ยนขั้วอำนาจ จะเปลี่ยนข้าง เพราะการรับใช้นักการเมืองจนยอมแลกด้วยศักดิ์ศรีความเป็นข้าในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กล้าถึงขนาดบิดเบือนตัวเลขดัชนีพื้นฐานทางเศรษฐกิจ จนเกิดคำถามป่วนวงการเศรษฐศาสตร์กันทั้งเมืองว่า ตกลงตอนนี้ประเทศไทยกำลังเกิดภาวะ เงินเฟ้อ หรือเงินฝืด หรือซวยซ้ำซ้อนกำลังเจอทั้งเฟ้อและฝืด เป็นดูโอ้มาคู่กัน ทั้งหมดล้วนเป็นอันตรายต่อเศรษฐกิจ ที่นำไปสู่หายนะได้ไม่ยากนัก
ตราบใดที่ประเทศไทยมีผู้นำและข้าราชการแบบนี้ คนรับกรรมก็คือประชาชนไม่ว่าจะใส่เสื้อสีไหนก็ตาม