“โฆษกรัฐบาล” ท้าเดิมพัน ปชป. หาก พท.พ่ายเลือกตั้งซ่อมเชียงใหม่ จะยอมรับความจริงว่าความนิยม รบ.ปูลด ด้าน “ยงยุทธ-กิตติรัตน์” ควงหม่ำข้างโรงอาหารทำเนียบ ยันของไม่แพง
วันนี้ (8 พ.ค.) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 3 จ.เชียงใหม่ แทน น.ส.ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปีว่า พรรคเพื่อไทยมั่นใจในการแข่งขันเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้เป็นอย่างมาก และขอท้าพรรค
ประชาธิปัตย์เลยว่า หากการเลือกตั้งครั้งนี้นายเกษม นิมมลรัตน์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งจากพรรคเพื่อไทยได้รับชัยชนะ ก็เท่ากับรัฐบาลยังได้รับความนิยมสูง ประชาชนยังสนับสนุนให้รัฐบาลทำงานต่อ และมั่นใจว่าจะอยู่ครบเทอม แต่หากพรรคเพื่อไทยพ่ายแพ้การเลือกตั้ง ก็จะยอมรับว่าความนิยมในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลดลงนิดนึง
ด้าน นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ลงมารับประทานอาหารกลางวันร่วมกันที่โรงอาหารภายในตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นอกจากนี้ยังมีครอบครัวของนายยงยุทธที่เดินทางมาชมห้องทำงานของนายยงยุทธ ร่วมรับประทานอาหารในครั้งนี้ด้วย ในส่วนของอาหารประกอบด้วยแกงจืดไก่ต้มฟัก ปลาทอด ข้าวเปล่า ลอดช่องแตงไทย พร้อมด้วยน้ำแข็งเปล่า
โดย นายยงยุทธได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ราคาอาหารมื้อนี้รวม 5 คน เพียง 150 บาทเท่านั้น และมื้อนี้ตนเลี้ยงนายกิตติรัตน์ และพบว่าราคาอาหารก็เท่าเดิมไม่ได้แพงขึ้น
ขณะที่นายกิตติรัตน์กล่าวภายหลังรับประทานอาหารแล้วเสร็จว่า ยอมรับมีสินค้าบางรายการราคาสูงขึ้นกว่า 1-2 เดือนที่แล้ว แต่เมื่อเทียบกับปีที่แล้วส่วนใหญ่ถือว่าทรงตัว อีกทั้งเมื่ออากาศร้อนมากๆ บรรดาผักผลไม้ก็จะมีราคาสูง แต่ก็มีแนวโน้มที่จะลดลง
ผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐบาลมีมาตรการในการควบคุมราค่าสินค้าอย่างไร นายกิตติรัตน์กล่าวว่า สิ่งที่ไม่ควรให้เกิดขึ้นคือ การที่ราคาสินค้าต้นทางจะราคาถูก แล้วมาแพงที่ปลายทาง ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
ก็ได้กำชับกระทรวงพาณิชย์ให้ดูแลตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางว่ามีภาวะนั้นไหม แต่หากราคาสินค้าสูงตั้งแต่ต้นทาง เราก็ไม่ควรที่จะปฏิเสธความจริง เช่น ผักผลไม้ช่วงหน้าร้อน เป็นต้น
หัวหน้าทีมเศรษฐกิจรัฐบาลกล่าวด้วยว่า บางครั้งมักหยิบสินค้าบางรายการขึ้นมาพูดกัน เช่น มะนาวลูกละ 8 บาท ทั้งที่จริงอาจจะมีราคา 8 บาท แต่ก็เป็นลูกที่แพงที่สุด ขณะที่ลูกละ 1-2 หรือ 4 บาทก็มีอยู่ และส่วนใหญ่พ่อค้าแม่ค้าก็ใช้ลูกละ 3-4 บาท หากหยิบยกเรื่องแบบนี้ขึ้นมา คนที่ไม่จ่ายตลาดเองก็จะตกใจ ทั้งที่มะนาวลูกละ 8 บาทก็มีมานานแล้ว ปีที่แล้วแพงเป็น 10 บาทก็มี
“เมื่อเทียบราคาสินค้ากับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วก็ต้องถือว่าทรงทรง เราเป็นฝ่ายรัฐบาลภาคการเมืองเล่าไปก็จะหาว่าแก้ตัว สินค้าที่ไม่ใช่ของสดจำนวนมาก ราคาไม่ได้ขยับจากปีที่แล้ว บางรายการก็ถูกลงด้วยซ้ำ จากรายงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ ถ้ายังไม่มั่นใจผมว่าลองไปสอบถามร้านสะดวกซื้อต่างๆ ที่เขาจะมีการบันทึกราคาย้อนหลังไปด้วย นี่คือภาคจริงเพราะภาคเอกชนเขาขายจริงๆ” รองนายกฯ กล่าว
นายกิตติรัตน์กล่าวยืนยันด้วยว่า กระแสข่าวการขึ้นอัตราภาษีนั้น ไม่ได้อยู่ในแผนของรัฐบาล เพราะไม่ต้องการเพิ่มภาระให้ประชาชนเดือดร้อน เช่นเดียวกับราคาพลังงาน ก็พยายามใช้มาตรการต่างๆ ไม่ให้ราคาขึ้นไปมาก โดยจะจับตาดูราคาน้ำมันในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด
วันนี้ (8 พ.ค.) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 3 จ.เชียงใหม่ แทน น.ส.ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปีว่า พรรคเพื่อไทยมั่นใจในการแข่งขันเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้เป็นอย่างมาก และขอท้าพรรค
ประชาธิปัตย์เลยว่า หากการเลือกตั้งครั้งนี้นายเกษม นิมมลรัตน์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งจากพรรคเพื่อไทยได้รับชัยชนะ ก็เท่ากับรัฐบาลยังได้รับความนิยมสูง ประชาชนยังสนับสนุนให้รัฐบาลทำงานต่อ และมั่นใจว่าจะอยู่ครบเทอม แต่หากพรรคเพื่อไทยพ่ายแพ้การเลือกตั้ง ก็จะยอมรับว่าความนิยมในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลดลงนิดนึง
ด้าน นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ลงมารับประทานอาหารกลางวันร่วมกันที่โรงอาหารภายในตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นอกจากนี้ยังมีครอบครัวของนายยงยุทธที่เดินทางมาชมห้องทำงานของนายยงยุทธ ร่วมรับประทานอาหารในครั้งนี้ด้วย ในส่วนของอาหารประกอบด้วยแกงจืดไก่ต้มฟัก ปลาทอด ข้าวเปล่า ลอดช่องแตงไทย พร้อมด้วยน้ำแข็งเปล่า
โดย นายยงยุทธได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ราคาอาหารมื้อนี้รวม 5 คน เพียง 150 บาทเท่านั้น และมื้อนี้ตนเลี้ยงนายกิตติรัตน์ และพบว่าราคาอาหารก็เท่าเดิมไม่ได้แพงขึ้น
ขณะที่นายกิตติรัตน์กล่าวภายหลังรับประทานอาหารแล้วเสร็จว่า ยอมรับมีสินค้าบางรายการราคาสูงขึ้นกว่า 1-2 เดือนที่แล้ว แต่เมื่อเทียบกับปีที่แล้วส่วนใหญ่ถือว่าทรงตัว อีกทั้งเมื่ออากาศร้อนมากๆ บรรดาผักผลไม้ก็จะมีราคาสูง แต่ก็มีแนวโน้มที่จะลดลง
ผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐบาลมีมาตรการในการควบคุมราค่าสินค้าอย่างไร นายกิตติรัตน์กล่าวว่า สิ่งที่ไม่ควรให้เกิดขึ้นคือ การที่ราคาสินค้าต้นทางจะราคาถูก แล้วมาแพงที่ปลายทาง ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
ก็ได้กำชับกระทรวงพาณิชย์ให้ดูแลตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางว่ามีภาวะนั้นไหม แต่หากราคาสินค้าสูงตั้งแต่ต้นทาง เราก็ไม่ควรที่จะปฏิเสธความจริง เช่น ผักผลไม้ช่วงหน้าร้อน เป็นต้น
หัวหน้าทีมเศรษฐกิจรัฐบาลกล่าวด้วยว่า บางครั้งมักหยิบสินค้าบางรายการขึ้นมาพูดกัน เช่น มะนาวลูกละ 8 บาท ทั้งที่จริงอาจจะมีราคา 8 บาท แต่ก็เป็นลูกที่แพงที่สุด ขณะที่ลูกละ 1-2 หรือ 4 บาทก็มีอยู่ และส่วนใหญ่พ่อค้าแม่ค้าก็ใช้ลูกละ 3-4 บาท หากหยิบยกเรื่องแบบนี้ขึ้นมา คนที่ไม่จ่ายตลาดเองก็จะตกใจ ทั้งที่มะนาวลูกละ 8 บาทก็มีมานานแล้ว ปีที่แล้วแพงเป็น 10 บาทก็มี
“เมื่อเทียบราคาสินค้ากับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วก็ต้องถือว่าทรงทรง เราเป็นฝ่ายรัฐบาลภาคการเมืองเล่าไปก็จะหาว่าแก้ตัว สินค้าที่ไม่ใช่ของสดจำนวนมาก ราคาไม่ได้ขยับจากปีที่แล้ว บางรายการก็ถูกลงด้วยซ้ำ จากรายงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ ถ้ายังไม่มั่นใจผมว่าลองไปสอบถามร้านสะดวกซื้อต่างๆ ที่เขาจะมีการบันทึกราคาย้อนหลังไปด้วย นี่คือภาคจริงเพราะภาคเอกชนเขาขายจริงๆ” รองนายกฯ กล่าว
นายกิตติรัตน์กล่าวยืนยันด้วยว่า กระแสข่าวการขึ้นอัตราภาษีนั้น ไม่ได้อยู่ในแผนของรัฐบาล เพราะไม่ต้องการเพิ่มภาระให้ประชาชนเดือดร้อน เช่นเดียวกับราคาพลังงาน ก็พยายามใช้มาตรการต่างๆ ไม่ให้ราคาขึ้นไปมาก โดยจะจับตาดูราคาน้ำมันในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด
