xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” จับผิด พณ.ยกเมฆเงินเฟ้อลด ทั้งที่ค่าครองชีพพุ่ง ติงกระทบความน่าเชื่อถือ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“อภิสิทธิ์” งงพาณิชย์ประกาศเงินเฟ้อลด 2.47% ทั้งที่สินค้าราคาพุ่ง สั่ง รมช.คลังเงาคำนวณตัวเลจจับโกหา เตือนอย่าตกแต่งตัวเลขเอาใจฝ่ายการเมือง จะกระทบความน่าเชื่อถือส่งผลต่างชาติขาดความเชื่อมั่น แนะให้ยอมรับความจริงค่าครองชีพสูงขึ้นเกิดจากนโยบายที่ผิดพลาดด้านพลังงาน ค่าไฟ สะท้อนรัฐบาลให้ความสำคัญกับผลกำไรของ ปตท. และการไฟฟ้า มากกว่าความเดือดร้อนประชาชน

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเตือนกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับการจัดทำตัวเลขในเรื่องดัชนีผู้บริโภค เพราะจะถูกนำไปใช้อ้างอิง ซึ่งเป็นดัชนีพื้นฐานที่ต้องแถลงทุกเดือนเพื่อให้สาธารณชนรับทราบ ถ้าใช้ตัวเลขที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงเพียงเพราะสถานการณ์เฉพาะหน้าเป็นเรื่องที่อันตราย เนื่องจากจะทำให้ในอนาคตตัวเลขความน่าเชื่อถือของรัฐบาลได้รับผลกระทบตามไปด้วย

“ผมจึงคิดว่าทั้งรัฐมนตรี และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ก็ประสบด้วยตนเองว่าราคาที่นำมาใช้ไม่ว่าจะเป็นราคาแนะนำ หรือราคาควบคุม กับราคาที่ซื้อขายกันจริงในตลาดเป็นคนละราคา จึงอยากให้กลับไปทบทวนปรับปรุง โดยพรรคได้มอบหมายให้นายสรรเสริญ สมะลาภา ส.ส.กทม. รมว.พาณิชย์เงา ไปทำเรื่องนี้เพื่อดูตัวเลขราคาจริงๆ ในตลาดมาคำนวณเพื่อสรุปตัวเลขเงินเฟ้อว่าความจริงเป็นอย่างไร นอกจากผลกระทบเรื่องตัวเลขเงินเฟ้อที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ยังเป็นการตอกย้ำว่ารัฐบาลไม่ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหานี้ จึงอยากให้รับฟังทุกภาคส่วนร่วมทั้งผลสำรวจล่าสุดที่ระบุว่าประชาชนเดือดร้อนจริง”

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่เข้าใจว่าเหตุใดนายกฯ และรัฐบาลจึงสรุปว่าเรื่องสินค้าราคาแพงเป็นความรู้สึกของประชาชน โดยเฉพาะค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น รัฐบาลรู้แก่ใจว่าเป็นผู้อนุมัติให้มีการขึ้นราคา เช่นค่าขนส่งมีการอนุมัติขึ้นค่าโดยสารเกือบทุกชนิด ค่าไฟรัฐบาลอนุมัติขึ้นค่าเอฟพี 30 สตางค์ต่อหน่วย มีการลอยตัวพลังงาน ฉะนั้นปฏิเสธไม่ได้ว่านโยบายรัฐบาลทำให้เปลี่ยนแปลงด้านราคาและเป็นภาระต่อค่าครองชีพของประชาชน จึงอยากให้แก้ไข

“ต้องถามนายกฯ ว่าทราบหรือไม่ว่านโยบายพลังงานขณะนี้กลายเป็นเอาฐานะของบริษัทรัฐวิสาหกิจมาก่อนฐานะประชาชน เพราะขณะที่ค่าไฟกับน้ำมันกำลังขึ้นไปเรื่อยๆ แต่การไฟฟ้าฯ และปตท.รายงานผลกำไรในเกณฑ์ค่อนข้างสูง เท่ากับรัฐบาลเป็นผู้ตัดสินใจว่าการให้กำไรของรัฐวิสาหกิจ 2 แห่งอยู่ในระดับนี้มีความสำคัญมากกว่าการที่ประชาชนจะได้ใช้ไฟ หรือน้ำมันถูกกว่านี้ หากเป็นการตัดสินใจของรัฐบาลก็ต้องรับผิดชอบ แต่ถ้าไม่รู้ว่านโยบายของตนเองซ้ำเติมประชาชนก็ต้องกลับไปทบทวนใหม่”

นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า กระทรวงพาณิชย์ไม่มีหน้าที่ในการปรับตัวเลข แต่มีหน้าที่ทำให้ราคาสินค้าลดลง หากควบคุมราคาสินค้าได้ ตัวเลขเงินเฟ้อก็จะลดลง แต่ถ้าบิดเบือนตัวเลขขณะราคาสินค้าไม่ได้ลดก็ไม่มีประโยชน์ แต่จะกระทบต่อความน่าเชื่อถือ เพราะหากแถลงไม่ตรงต่อความเป็นจริง เช่น เรื่องราคา ตัวเลขเหล่านี้ก็จะใช้ไม่ได้ และถ้าใช้ไม่ได้ก็จะเกิดปัญหาต่อการบริหารเศรษฐกิจตามมาเนื่องจากเป็นตัวเลขพื้นฐานในการตัดสินใจนโนบายเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ เชื่อว่าตัวเลขที่กระทรวงพาณิชย์ล่าสุดระบุว่าตัวเลขเงินเฟ้อลดลงร้อยละ 2.47 ไม่ใช่ตัวเลขที่แท้จริง เพราะหมวดอาหารราคาขึ้นประมาณร้อยละ 8 แต่ถ้าเป็นอาหารสำเร็จรูปที่บริโภคในบ้านขึ้นกว่าร้อยละ10 ขณะที่ราคาพลังงานไม่ลดลงเลย ทำให้ชัดเจนว่าต้นทุนในระบบเศรษฐกิจสูงขึ้น การที่กระทรวงพาณิชย์บอกว่าราคาสินค้าถูกลงจึงเป็นไปไม่ได้ ทั้งนี้ ตนคิดว่าการแถลงของกระทรวงพาณิชย์ต้องไม่เกรงใจฝ่ายการเมืองโดยเฉพาะเมื่อทราบอยู่แล้วว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แต่ในเวลาที่แถลงกลับไม่พูดถึงสินค้าที่ราคาสูงขึ้น กลับไปพูดถึงสินค้าที่ลดลง 2-3 ชนิด โดยจะต้องสะท้อนภาพรวมว่าความจริงคืออะไร ถ้าการดำเนินการนโยบายของรัฐบาลยังไม่ตรงไปตรงมาในการรายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจจะเป็นอันตรายมาก เพราะถ้าไม่ยอมรับความจริงก็แก้ปัญหาไม่ถูกจุด อีกทั้งถ้ามีการเผยแพร่ตัวเลขเศรษฐกิจต่อสาธารณะไม่ตรงต่อความจริง นอกจากกระทบต่อความเชื่อในในประเทศแล้วยังกระทบต่อต่างชาติด้วย ต่อไปจะไม่ได้รับการเชื่อถือจากทั่วโลก

“อยากให้รัฐบาลเข้าใจว่าปัญหาเศรษฐกิจเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นการว่างงานหรือเศรษฐกิจตกต่ำ สินค้าราคาแพงเพราะเป็นธรรมชาติของเศรษฐกิจ แต่ถ้าตั้งเป้าไม่ยอมรับปัญหาแม้แต่เรื่องเดียวในที่สุดจะกระทบต่อความเชื่อถืออย่างรุนแรง เพราะทุกคนต้องการให้รัฐบาลแก้ปัญหาตามความเป็นจริง”
กำลังโหลดความคิดเห็น