เกาะกระแส
โดย...ก้อนกรวด
00 ยังวิพากษ์วิจารณ์กันไม่จบกับเรื่องที่ “ปูนิ่ม” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รับคำสั่ง ทักษิณ ชินวัตร เข้าโหมดปรองดอง “ขอขมาป๋า” พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ถึงบ้านสี่เสา แม้ว่างานนี้เป็นเรื่อง “ลับลวงพราง” ชิงไหวชิงพริบ แต่ผลที่ออกมาตามสายตา “ป๋าได้มากกว่าเสีย” โดยเฉพาะภาพทางการเมือง และมีผลกับมวลชน ก็ต้องยอมรับว่า ฝ่าย ทักษิณ มีแรงสั่นสะเทือนมากกว่าจนเทียบกันไม่ได้
00 แม้ว่าในความเป็นจริงแล้วปฏิกิริยาความไม่พอใจสะท้อนออกมาผ่านทาง “หัวโจกแดง” บางคนนั้นไม่ได้มีผลจนทำให้ แม้วต้องแคร์ หรือไปใส่ใจรับฟัง เพราะ “ไม่มีความหมาย”ใดๆเลย อย่างไรก็ดีต้องแยกสถานการณ์ทำความเข้าใจกันก่อน อย่างแรกก็ต้องยอมรับว่า การขอขมาป๋า เที่ยวนี้ทำให้คนเสื้อแดงเสียความรู้สึก ไม่พอใจ สับสน ซึ่งความรู้สึกดังกล่าวก็ต้องบอกว่าเกิดขึ้นกับพวก “มวลชนแดง” เท่านั้น หรืออย่างมากก็แค่พวกหัวโจกบ้านนอกที่ถูกปลุกระดมให้ “เกลียดอำมาตย์” มานานเป็นปี แต่จู่ๆเกิดกลับลำแบบกะทันหันแบบนี้เป็นใครก็ย่อมปรับตัวไม่ทัน
00 แต่ความจริงที่น่าเจ็บปวดก็คือคนพวกนี้ “ไม่มีพลัง”ในตัวเอง การเคลื่อนไหวที่ผ่านมาก็แสดงออกภายใต้อุปถัมภ์ค้ำชูผ่านหัวคะแนน คนของนักการเมืองจากพรรคไทยรักไทย ต่อเนื่องมาจนถึงพรรคเพื่อไทยในปัจจุบัน หากพิจารณาจากความจริงคนพวกนี้ก็สนับสนุน ทักษิณ สนับสนุนพรรคของเขา เนื่องจากหลงใหลไปกับ “นโยบายประชานิยม” บางคนก็ “ถูกซื้อ” เป็น “ลูกน้อง” มาตั้งแต่เดิมแล้ว รวมไปถึงพวกหัวโจกมีชื่อ เริ่มตั้งแต่ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จตุพร พรหมพันธุ์ หรือแม้แต่ วีระ(กานต์) มุสิกพงศ์ ด้วย ซึ่งพวกนี้เป็นกลุ่มใหญ่ที่สุด
00 แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีอีกพวกหนึ่งที่พยายามเข้ามาเกาะเกี่ยวอาศัยมวลชนของ ทักษิณ เพื่อนำไปสู่เป้าหมาย ทำตามความฝัน นั่นคือพวก “ไม่เอาเจ้า” ในที่นี้ก็ต้องบอกว่า มี ธิดา ถาวรเศรษฐ และ เหวง โตจิราการ เป็นหัวเรือใหญ่ และมี “นักวิชาการแดง” บางส่วนที่เข้ามาผสมโรง หากสังเกตก็จะเห็นว่า เมื่อเห็น “ภาพบาดตา” ดังกล่าว มีแต่พวกหลังเท่านั้นที่เกิดปฏิกิริยา รวมไปถึงมวลชนแดงรากหญ้าที่รู้สึกงงๆเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆออกมา อย่างอย่างชัดเจน
00 ตรงกันข้ามที่น่าสมเพชก็คือพวกหัวโจกที่ “ยกระดับ” ขึ้นมาจากการก่อม็อบ ทั้งประเภทที่กลายพันธุ์เป็นอำมาตย์ อย่าง ณัฐวุฒิ-จตุพร ต่างก็พยายามหลบหน้าสงบปากสงบคำ ไม่เว้นแม้แต่ ชินวัตร หาบุญพาด ที่เคยขับแท็กซี่แต่วันนี้ได้ดีเป็นถึงที่ปรึกษารมว.คมนาคม ถามว่าคนพวกนี้มีศักยภาพเป็น “ดาวฤกษ์” มีพลังในตัวเองหรือไม่ ที่ผ่านมาได้ดิบได้ดีเพราะโหนกระแสทักษิณ มาหากินทั้งนั้นแหละ แล้วคิดหรือว่าคนพวกนี้จะเปลี่ยนไปตั้งประจันเป็นตรงกันข้ามกลับไปกิน “ข้าวคลุกน้ำปลา” อย่างนั้นหรือ เอาง่ายๆแค่ “น้องชาย”ของ น้องเกด ที่บอกว่ามีท่าทีไม่พอใจ เอาเข้าจริงก็อ่อนเป็นขี้ผึ้ง เพราะที่ผ่านมาก็ได้ “กินตำแหน่ง”ในทำเนียบฯสบายใจแล้ว
00 ดังนั้นถ้าให้สรุปตามสถานการณ์ ก็ต้องบอกว่าการเข้าพบ ป๋า ของ ปู ทำให้ “แดงปั่นป่วน” และ “เสียความรู้สึก” แน่นอน แต่ถามว่าถึงขั้น “แตกกันเละ” หรือไม่ คำตอบก็คือ ไม่ เพียงแต่ว่าระดับความศรัทธาจะลดลง และ “ตาสว่าง” มากขึ้นเท่านั้นเอง อาการกระเหี้ยนกระหือรือแบบเดิมจะลดลงไปจนถึงขั้นธรรมดา และต่อไปจะแยกแดงออกเป็น แดง ทักษิณ กับ “แดงไม่เอาเจ้า” ซึ่งอย่างหลังนี่จะถูกบังคับให้แยกตัวออกไปเพราะเขาจะปรองดองกับอำมาตย์แล้ว ก็เท่านั้นเอง
00 การออกมาป่าวประกาศของ นพดล ปัทมะ ทนายรับจ้าง เรื่องที่บอกว่า ทักษิณ ได้ไฟเขียวเข้า อังกฤษ ไปดูบอลที่นั่นและคุยโม้ว่าจะบินต่อไปสหรัฐฯ ความหมายก็เพื่อแสดงให้เห็นว่าลูกพี่ “ไปได้ทุกที่” แล้ว แต่ถึงอย่างไรไม่มีการพูดถึงเรื่อง “บัญชีในแบงก์” ที่ถูกรัฐบาลอังกฤษ “อายัด” เอาไว้นับหมื่นล้านบาท เรื่องนี้ยังไม่เคลียร์ใช่ป่าว หรือว่าเป็นเพราะ “จูบปาก” กับอำมาตย์นี่มันได้ผลดีขนาดนี้เชียว !!
00 หลังจากเสียรูปมวย ไม่เป็นชิ้นเป็นอันกับเรื่องภาคใต้ของรัฐบาลเพื่อไทย ล่าสุดก็ตั้งสติได้จึงต้องบังคับให้ ยิ่งลักษณ์ ลงใต้ "สานใจป๋า" อุบ "สานใจไทยสู่ใจใต้"เพื่อลดกระแส “ทิ้งคนใต้” หลังจากที่ผ่านมาไม่เคยดูดำดูดี ปล่อยไปตามยถากรรม ปล่อยให้ ปชป.ทำคะแนนตีกินฝ่ายเดียว ทั้งที่หากว่าไปแล้วถ้าสนใจมากกว่านี้ ทุ่มเท จริงใจพัฒนารับรองว่าตีตื้นขึ้นมาไม่ยาก เพียงแต่ว่าอย่าทำอย่างฉาบฉวยเป็นอันขาด เพราะเขารู้ทัน และที่ผ่านมาส่วนใหญ่พึ่งตัวเองมาตลอดอยู่แล้ว