รายงานการเมือง
โดย แสงตะวัน
“อนุวัฒน์ เมธีวิบูลวุฒิ” อธิบดีกรมที่ดิน กลายเป็นบิ๊กมหาดไทยที่โชคร้ายก่อนเกษียณ ทั้งที่เหลือเวลาอีกแค่ประมาณ 5 เดือนก็จะเกษียณอายุราชการแล้ว แต่กลับถูกเด้งจากเก้าอี้ใหญ่อธิบดีกรมที่ดินไปแขวนในตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่ถือว่าเป็นตำแหน่งลอย ไม่มีงานให้ทำมากนัก
ส่วนคนที่ขึ้นมาเป็นอธิบดีกรมที่ดินคนใหม่แทนอนุวัฒน์ บรรดาข้าราชการกระทรวงมหาดไทย-กรมที่ดิน ก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะ “บุญเชิด คิดเห็น” ก็คือลูกหม้อของกรมที่ดิน ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวว่าจะได้ขึ้นมาเป็นอธิบดีกรมที่ดินอยู่แล้วในการแต่งตั้งโยกย้ายประจำปี เพราะกระแสข่าวเด้ง “อนุวัฒน์” หลังเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งมีมาตลอด แต่พอดีว่าจังหวะไม่ลงตัว
แต่รอบนี้ทุกอย่างลงล็อก “บุญเชิด” ที่สนิทกับบิ๊กการเมืองในพรรคเพื่อไทยหลายคน โดยเฉพาะ เฉลิม อยู่บำรุง อดีต รมว.มหาดไทยในรัฐบาลพลังประชาชนที่ทำงานเข้าขากันได้เป็นอย่างดี ทั้งที่ “บุญเชิด” ตอนนั้นเป็นรองอธิบดีกรมที่ดิน อีกทั้งตัวอธิบดีกรมที่ดินคนใหม่ยังสนิทกับนักการเมืองในเพื่อไทยอีกหลายคน รวมถึง ยงยุทธ วิชัยดิษฐ รมว.มหาดไทย ที่ “บุญเชิด” เคยรับใช้มาตอนที่ยงยุทธเป็นอธิบดีกรมที่ดินเมื่อหลายปีที่แล้ว
ยิ่งตอนไปเป็น ผวจ.ลำปาง ทำให้ “บุญเชิด” ได้รู้จักกับนักการเมืองเพื่อไทยสายภาคเหนือหลายคนโดยเฉพาะกลุ่มโล่ห์สุนทร-จันทรสุรินทร์ การกลับมาเป็นอธิบดีกรมที่ดินรอบนี้ของ “บุญเชิด” เลยเป็นไปตามโผทุกประการ
เมื่อฝ่ายการเมืองสนับสนุน “บุญเชิด คิดเห็น” เลยได้ย้ายจาก ผวจ.ลำปาง มาเป็นอธิบดีกรมที่ดินก่อนเกษียณอายุราชการในปี 2556 เว้นแต่หากทำงานเข้าตาอีก ก็อาจได้ตำแหน่งดีกว่านี้ก็เป็นได้
ขณะที่ข้าราชการมหาดไทยวิเคราะห์กันว่า ปมสำคัญที่ทำให้ “อนุวัฒน์” อยู่ในตำแหน่งไม่ถึงกันยายนเพราะฝ่ายการเมืองในเพื่อไทยขัดเขืองใจ “อนุวัฒน์” อย่างหนัก
โดยสมัยรัฐบาลพรรคพลังประชาชนเป็นคนดันให้ “อนุวัฒน์” ย้ายจาก ผวจ.สมุทรปราการ มาเป็นอธิบดีกรมที่ดิน แต่ปรากฏว่าพอการเมืองเปลี่ยนขั้วจากรัฐบาลพลังประชาชนมาเป็นรัฐบาลประชาธิปัตย์สมัยอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเป็นนายกรัฐมนตรี แม้กระทรวงมหาดไทยจะดูแลโดยพรรคภูมิใจไทย ที่มีชวรัตน์ ชาญวีรกูล เป็น รมว.มหาดไทย
ทว่า “อนุวัฒน์” กลับเป็นคนเซ็นหนังสือในนามกรมที่ดินเสนอให้กระทรวงมหาดไทยในเวลานั้น ทั้ง “ชวรัตน์ ชาญวีรกูล” และ “วิชัย ศรีขวัญ” ปลัดกระทรวงมหาดไทย ทำการเพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดินของสนามกอล์ฟและหมู่บ้านอัลไพน์ทั้งหมด โดยอ้างว่าเพื่อทำตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา จน “ถาวร เสนเนียม” รมช.มหาดไทย ที่คุมกรมที่ดินตอนนั้น และ ส.ส.ประชาธิปัตย์ ไล่บี้ให้ “ชวรัตน์” เพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดินอัลไพน์
แต่ “ชวรัตน์” และกระทรวงมหาดไทยตอนนั้นไม่รับลูก เพราะรู้ดีว่าเป็นเรื่องใหญ่หากเอาด้วยกับกรมที่ดิน เพราะใครๆ ก็รู้ว่า เรื่องอัลไพน์มันเกี่ยวพันกับคนจำนวนมากทั้งนักธุรกิจ-ประชาชน-นักการเมือง โดยเฉพาะ ทักษิณ ชินวัตร และ เสนาะ เทียนทอง เลยไม่อยากไปเล่นของร้อน เก็บหนังสือของอนุวัฒน์เข้าลิ้นชัก ทำให้เรื่องค้างคาจนถึงทุกวันนี้
จึงกลายเป็นความแค้นฝังใจของรัฐบาลเพื่อไทยในตัว “อนุวัฒน์” ที่ไปเต้นตามประชาธิปัตย์ในตอนนั้น เมื่อได้โอกาสเหมาะ เพราะตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทยว่างอยู่หนึ่งอัตรา เลยใช้การโยกย้ายกลางปี จัดการ “อนุวัฒน์” เสียเลย
ยิ่งกรมที่ดินเป็นกรมใหญ่ มีความสำคัญมาก ในการผลักดันนโยบายและงานสำคัญๆ ของฝ่ายการเมืองได้ จึงเป็นเรื่องปกติที่เพื่อไทยต้องการคนของตัวเองและเชี่ยวชาญงานในด้านนี้ ซึ่งก็ไม่มีใครเหมาะเท่า “บุญเชิด คิดเห็น” อีกแล้ว
จึงเป็นเหตุแห่งการเด้ง “อนุวัฒน์” แล้วโยก “บุญเชิด” มานั่งแทนที่ลงตัวที่สุด
ขณะที่การโยกย้ายปรับเปลี่ยนในตำแหน่งอื่นๆ ก็เป็นเรื่องของการบริหารงานของกระทรวงมหาดไทยกับฝ่ายการเมือง ที่ก็เป็นไปตามสูตร คือ เอาเรื่องการเมืองเป็นตัวตั้งในการพิจารณา อย่างไรก็ตามถือว่าโผกลางปีรอบนี้ของมหาดไทยเป็นโผเล็กแค่ 10 ตำแหน่งเท่านั้น จากปกติที่การทำโผกลางปีของมหาดไทยจะอยู่ที่ประมาณ 20 ตำแหน่งเป็นอย่างน้อย แต่เนื่องจากในการแต่งตั้งโยกย้ายประจำปีเมื่อช่วงปลายปี 2554 ฝ่ายรัฐบาลเพื่อไทยเพิ่งจัดการจัดทัพใหญ่ของมหาดไทยไปเกือบหมดแล้วทั้งระดับปลัดกระทรวง-รองปลัดกระทรวง-อธิบดี-ผู้ว่าราชการจังหวัด-ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งคนของเพื่อไทยได้ดิบได้ดีไปอยู่ในตำแหน่งหลักๆ หมดแล้ว ดังนั้น โผกลางปีมหาดไทยรอบนี้จึงเป็นการจัดตำแหน่งต่างๆ ที่ยังไม่ลงตัวให้ลงตัวมากขึ้น
ขณะที่บางตำแหน่งก็เป็นการแต่งตั้งโยกย้ายเพื่อแก้ปัญหาในพื้นที่เช่น การย้าย “ธวัชชัย เทิดเผ่าไทย” จาก ผวจ.ระยองไปเป็น ผวจ.ลำปาง
ก็เป็นการย้ายออกจากจังหวัดเดิมหลัง “ธวัชชัย” มีปัญหาในพื้นที่เพราะก่อนหน้านี้เคยถูกม็อบนักการเมืองท้องถิ่น-ประชาชนในพื้นที่รวมตัวกันที่จังหวัดระยองและเคลื่อนมาประท้วงที่หน้ากระทรวงมหาดไทยและยื่นหนังสือถึงยงยุทธ วิชัยดิษฐ และ พระนาย สุวรรณรัฐ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ย้าย “ธวัชชัย”
การประท้วงรอบนั้น มีแกนนำนักการเมืองในพื้นที่ระยองทั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด นำโดยนาย ปิยะ ปิตุเตชะ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง พร้อมด้วยผู้นำท้องถิ่นจังหวัดระยอง ที่ร้องเรียนว่า “ธวัชชัย” มีปัญหาการบริหารงานในจังหวัด จนทำให้กระทรวงมหาดไทยมีการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงขึ้นในเวลาต่อมา
อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก “ธวัชชัย” ถือว่าสนิทกับบิ๊กมหาดไทยหลายคน ทั้งตัวยงยุทธ มท.1 หรือประชา เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งหากเป็นคนอื่นถ้าโดนกดดันในพื้นที่แบบนี้คงโดนเด้งเข้ากรุผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทยไปแล้ว แต่ “ธวัชชัย” ก็ยังถือว่าดีเพราะได้ย้ายสลับจาก ผวจ.ระยอง ไปเป็น ผวจ.ลำปาง
ส่วนตำแหน่งอื่นๆ ก็มีข่าวว่ามีพวก ส.ส.เพื่อไทยไปร้องขอกับยงยุทธ มท.1 เช่นกัน เพื่อให้ดันคนของตัวเองมาไว้เพราะทำงานเข้ากับ ผวจ.ไม่ได้ แต่พบว่าส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้รับการสนองตอบจากยงยุทธ เลยทำให้โผมหาดไทยรอบนี้มีแค่ 10 เก้าอี้อย่างที่เห็น