เหลียวหลังแลหน้ามองการเมืองไทยวันนี้แล้วก็ยังตกอยู่ในภาวะว้าเหว่ วังเวง เหมือนเดิม หลายครั้งหลายหนอยากจะเลิกเสพข่าวสารการเมือง ด้วยรำคาญเต็มกลืน
การเมืองวันนี้ใส่กันหนักในเวทีสภาผู้แทนราษฎร ทุ่มเถียงกันไม่จบไม่สิ้นในเรื่องของความปรองดอง หาหนทางนำไปสู่ความสมานฉันท์ แต่ดูเหมือนยิ่งทำ ยิ่งแก้ ยิ่งเข้ารกเข้าพง ต่างฝ่ายต่างตั้งแง่ใส่กัน จ้องเอาชนะคะคานด้วยเกมการเมืองเป็นตัวตั้ง แล้วอย่างนี้จะปรองดองกันได้อย่างไร..ทุด
โดยเฉพาะพรรคการเมืองใหญ่ 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเลว อีกฝ่ายหนึ่งชั่ว คิดแต่การแก่งแย่งชิงอำนาจ เดินเกมทุกอย่างเพื่อคะแนนนิยม เพื่อสร้างกระแสให้ตัวเองเป็นสำคัญ เรื่องความเดือดร้อนทุกข์ยากประชาชนไม่เห็นจะใส่ใจพูดถึง เห็นแล้วก็อเนจอนาถระคนแค้นใจ
การเมืองในสภาตอนนี้ฝ่ายรัฐบาลพรรคเพื่อไทยกำลังเดินหน้าเต็มสูบ ผลักดันแผนปรองดองตามที่คณะกรรมาธิการวิสามัญชุด พล.อ.สนธิ บุญรัตนกลิน อดีตผู้นำรัฐประหาร 2549 เขียนขึ้นมาโดยอ้างอิงรายงานการวิจัยของสถาบันพระปกเกล้า
หลังข้อเสนอหลายส่วนเข้าทางตามสเป็ก รัฐบาลพรรคเพื่อไทยก็ทั้งผลัก ทั้งถีบผลการวิจัยดังกล่าวให้เกิดเป็นมรรคเป็นผล โดยเฉพาะเรื่องการนิรโทษกรรม การยกเลิกผลพวงแห่งคดีที่ทำไว้โดย คตส. เพราะนั่นคือการกรุยทางกลับบ้านให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนักโทษหนีคดีที่ระหกระเหินอยู่ต่างแดนหลายปีจนใกล้บ้า
พรรคเพื่อไทยรีบเร่งใช้เสียงข้างมากลากถูให้ผ่านความเห็นชอบจากสภา ประทับตราสร้างความชอบธรรม ก่อนนำรายงานการวิจัยของสถาบันพระปกเกล้าไปขยายผลแบบเนียนๆ
อย่างไรก็ตามเมื่อ สถาบันพระปกเกล้า มองเห็นความเคลื่อนไหวที่ฝ่ายรัฐบาลจะนำรายงานการวิจัยไปสร้างความชอบธรรมให้ฝ่ายตัวเอง ทำเรื่องต่างๆ ที่สังคมหลายภาคส่วนไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะเรื่องร้อนๆ เกี่ยวกับการช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ออกมาแถลงข่าวกลับลำ พร้อมขู่ว่าจะถอนรายงานการวิจัยกลับไป..
เท่านั้นแหละ...!! ลิ่วล้อส.ส.พรรคเพื่อไทย ก็ดาหน้าออกมาแว้งกัด สถาบันพระปกเกล้าเสียจมเขี้ยว ซัดแหลกสถาบันพระปกเกล้าเดินตามเกมฝ่ายค้านพรรคประชาธิปัตย์ เป็นไม้หลักปักขี้เลน หวั่นไหวกับเสียงหมาเห่า
ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เชิดชูยกยอสารพัดหลังทำรายงานการวิจัยแบบถูกใจใช่เลย.
แค่นั้นไม่พอ.. ยังออกโรงตีกัน อ้างหน้าด้านๆ ว่ารายงานทำเสร็จสมบูรณ์ส่งมาแล้ว เรื่องเข้าคณะกรรมาธิการแล้ว เอาคืนไม่ได้ จะเอาคืนก็ไม่มีผล เพราะเรื่องข้ามขั้นตอนไปแล้ว
เอากับเขาสิ.. ได้ทองคำไปอยู่ในมือแล้ว อย่าหวังเอาคืนเสียให้ยาก เหมือนถูกโจรปล้นทรัพย์ไป จะไปขอคืนคงต้องรอชาติหน้าตอนบ่ายๆ แถมยังต้องโดนแจกเกือกจนหน้าหงายเงิบ... สุดยอดวิชามารทายาทอสูรจริงๆ
ล่าสุดลิ่วล้อ ส.ส.เพื่อไทยรวมตัวมาตั้งแก๊งแถลงข่าว ซัดสถาบันพระปกเกล้า บีบบังคับสภาฯ ขู่จะถอนงานวิจัยเพราะหวั่นไหวจากเหตุผลทางการเมือง ไม่ได้เกี่ยวกับเนื้อหาเชิงวิชาการ พร้อมจี้ให้ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ลาออกไปด้วยเลย
เปลี่ยนบทเล่นชั่วข้ามคืน ตามสโลแกนการเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร มิตรในวันวานวันนี้ก็เปลี่ยนเป็นศัตรูได้เรื่องผลประโยชน์ใครขวางทาง ก็มีแต่ต้องเหยียบหัวผ่านไปเท่านั้น..
แต่หมากเกมนี้ใช่ว่าจะง่ายอย่างที่คิด แม้รายงานวิจัยปรองดองที่แทงเรื่องมาจากคณะกรรมาธิการชุด พล.อ.สนธิ นักปฏิวัติเขียนด้วยมือลบด้วยเท้า จะผ่านความเห็นชอบจากสภาไปด้วยเสียงข้างมาก แต่ขั้นตอนหลังจากนั้นยังเป็นคำถาม จะเกิดผลทางปฏิบัติหรือไม่อย่างไร
รายงานฉบับนี้ ที่ทางฟากฝากค้านดีแต่พูดทำงานโหลยโท่ย ให้นิยามว่าเป็น “รายงานเถื่อน” เป็นเพียงข้อเสนอให้สภารับทราบ ไม่ใช่ร่างพระราชบัญญัติ หรือร่างพระราชกำหนด ที่สามารถนำไปปฏิบัติได้หลังผ่านการลงมติเห็นชอบจากสภา จึงน่าสนใจว่าหลังจากนี้ใครจะเป็นคนรับไปดำเนินการต่อ
ล่าสุดก็แน่นอนแล้วว่าคนที่ต้องรับไม้ต่อไปดำเนินการคือรัฐบาล ตามที่ฝ่ายค้านแทงหวยไว้ล่วงหน้า พร้อมดักคอว่า อย่าเอาหยิบยกรายงานเพียงบางส่วนไปลงมือทำเพื่อผลประโยชน์ของฝ่ายตัวเอง อย่าหมกเม็ดนำไปสร้างความชอบธรรมด้วยการออกเป็นพระราชกำหนดเป็นอันขาด มิฉะนั้นจะเจอมาตรการตีโต้จากสังคม
ฝ่ายพรรคเพื่อไทยเองก็ย่อมรู้ดีว่าถ้าปฏิบัติการหักด้ามพร้าด้วยเข่า เอารายงานฉบับนี้ไปทำทันที ด้ามพร้าอาจไม่หัก แต่ที่จะบอบช้ำคือหัวเข่าตัวเอง จึงวางแผนเดินเกมสร้างความชอบธรรมอีกกระทอก ด้วยแนวคิดที่จะนำรายงานการวิจัยชิ้นนี้ ไปสำรวจตรวจสอบความเห็นจากสาธารณชนอีกรอบหนึ่ง อาจเป็นไปในรูปแบบของการสานเสวนา หรือสำรวจความคิดเห็นจากประชาชนหลายๆ ภาคส่วน
ทิ้งเวลาออกไปอีกทอดหนึ่ง สร้างภาพการรับฟังจากประชาชน คล้ายกับรูปแบบที่เคยๆ ทำมา ที่มีการตั้งคณะกรรมการอิสระ คณะกรรมการเป็นกลางขึ้นมาพิจารณาศึกษาในแต่ละเรื่องราว แต่สุดท้ายก็ไม่เห็นจะมีทีท่ารับฟัง หรือปรับแก้ ตั้งกรรมการชุดนี้ชุดนั้นขึ้นมาหลอกลวงตบตาสังคมให้ตายใจ ที่สุดแล้วก็เดินตามธงที่ตั้งใจไว้
งานไหนก็งานนั้น งานนี้ก็คงไม่แคล้วลงเอยรูปแบบเดียวกัน..
และเมื่อจับสัญญาณบรรยากาศทางการเมือง สำรวจแรงเสียดทานแล้วพบว่าไม่หนาแน่นเกินไป ก็อาจเสนอแนวทางปรองดองฉบับแดงได้ดี อดีตนายกรัฐมนตรีได้กลับบ้าน ชนิดแนบเนียน คลุกเคล้าความเห็นจากภาคส่วนประชาชนที่ไปสำรวจตรวจมาพอกล้อมแกล้ม แต่เป้าหลักประเด็นใหญ่ยังคือแก่นรากเดิม พา พ.ต.ท.ทักษิณ นายใหญ่ตลอดกาลกลับบ้านแบบไร้มลทิน ไม่ต้องติดคุกติดตะราง..
ไม่น่าแปลกใจเลยว่าบรรยากาศการสร้างความปรองดองที่ฝ่ายการเมืองทำอยู่ ณ เวลานี้ ประชาชนชาวบ้านทั่วไปจะมองไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ยังมองเห็นเพียงหลุมดำ และอดีตแห่งความขัดแย้งที่ปวดร้าว พร้อมนอนหวาดผวาว่าอนาคตมันจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่
แทบไม่ใครที่จะจินตนาภาพเห็นการปรองดอง สยามเมืองยิ้มกลับมาอยู่คู่คนไทยเหมือนเคย นั่นก็เพราะฝ่ายการเมือง ผู้ถืออำนาจใหญ่ของประเทศ ยังไม่ปล่อยวาง เปิดหัวใจรับการปรองดองอย่างแท้จริง
ยังมุ่งมั่นเอาชนะคะคาน ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อีกฝ่าย มีแต่ความชิงชังอยากแก้แค้น คิดเพียงการเป็นรัฐบาลเกาะกุมอำนาจแล้วกดหัวอีกฝ่ายให้ล่มจมธรณี ใช้นิยามปรองดองบังหน้า ตบตาประชาชนอยู่เรื่อยไปเท่านั้น..
แล้วเมื่อไหร่กันเล่าความปรองดองที่แท้จริงจะเกิดขึ้นในประเทศไทย
ฤา..จะต้องฆ่ากันให้ตายไปข้าง จะต้องเสียเลือดเสียเนื้ออีกสักกี่หนกัน ความปกติสุขถึงจะกลับมาเสียที
...คิดแล้วก็เซ็งหัวใจ