“อภิสิทธิ์” เตือนปูดเจรจาโจรใต้กระทบชาวบ้านรับเคราะห์อีก ชี้เหตุบานปลายเพราะคิดแก้ง่ายๆ ให้ตัวเองได้ประโยชน์การเมือง ชี้ย้ำรอย “นช.แม้ว” ผิดพลาดซ้ำสอง จวกข่าวใช้เงินแลกสันติภาพไม่เข้าใจสถานการณ์ หนุนรัฐใช้แนวทาง สมช. เชื่อคนหาดใหญ่ไม่เอา พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
วันนี้ (4 เม.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงเหตุคาร์บอมบ์ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ว่ารัฐบาลควรจะทบทวนท่าทีและกำหนดนโยบายให้ชัดเจนโดยเฉพาะกรณีที่พูดถึงการเรื่องการเจรจา ไม่ควรทำให้เกิดความสับสน เพราะกระทบกับกลุ่มต่างๆ ที่มีการเคลื่อนไหวด้วย เนื่องจากหากเขาคิดว่าเป็นการส่งสัญญาณทางหนึ่งทางใดก็จะมีปฏิกริยาออกมา ซึ่งผู้ที่รับเคราะห์ก็คือประชาชนในพื้นที่จากปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความเชื่อมโยงกันหรือไม่เกี่ยวกับกระแสข่าวที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีที่ดินรัชดาฯ เข้ามามีบทบาทในการพยายามกำหนดให้มีการเจรจาโดยนายกรัฐมนตรีไปสานต่อขอความร่วมมือจากรัฐบาลมาเลเซียเข้ามาช่วยแก้ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนอยากให้นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลทบทวนเรื่องเหล่านี้ทั้งหมด เพราะความรุนแรงที่ลุกลามบานปลายทุกครั้ง เกิดขึ้นจากความคิดที่คิดว่าแก้ปัญหาได้ด้วยวิธีง่ายๆ อย่างรวดเร็วเพื่อให้ตัวเองได้ประโยชน์ทางการเมือง
“เหล่านี้เป็นบทเรียนที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2544 และสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นก็เป็นการย้อนรอยแนวความคิดแบบนี้ ไม่ได้คุ้มเลยกับสิ่งที่เป็นผลพวงตามมา ถ้ายังทำเช่นนี้ก็เท่ากับ พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังผิดพลาดซ้ำสองในการแก้ปัญหาสถานการณ์ภาคใต้ผ่านรัฐบาลชุดนี้ แต่เป็นรูปแบบใหม่ด้วยวิธีคิดหลักคิดเหมือนเดิมที่คิดว่าปัญหาแก้ได้ง่ายๆ ซึ่งจะนำไปสู่ความรุนแรงไม่แตกต่างกัน ผมเตือนว่าอย่าทำผิดซ้ำอีก” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า มีรายงานข่าวระบุถึงขนาดว่ามีการเสนอเงินหลายร้อยล้านบาทแลกกับสันติภาพคิดว่าเงินซื้อสันติภาพได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยังไม่ทราบเพราะไม่มีการยืนยัน แต่ถ้าใครคิดอย่างนั้นก็แสดงให้เห็นว่าไม่มีความเข้าใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ตนยืนยันว่ารัฐบาลควรกลับไปทบทวนนโยบายภาพรวมทั้งหมด และจัดระบบจัดระเบียบความรับผิดชอบที่ชัดเจน รวมทั้งการสื่อสารให้ดีด้วย ไม่เช่นนั้นจะสับสนวุ่นวายมากขึ้น โดยเห็นว่านโยบายที่ สมช.เป็นผู้ร่างและเสนอต่อสภาไปแล้ว หากรัฐบาลยึดตามแนวทางนี้ตนคิดว่าไปได้ รวมทั้งกฎหมายที่มีอยู่ก็เพียงพอต่อการแก้ปัญหาทั้งกรอบนโยบายและกรอบของกฎหมาย รัฐบาลควรเดิมตามนี้ อย่าไปเชื่อที่มีคนมาบอกว่าสามารถทำอะไรได้เป็นเรื่องพิเศษ เรื่องวิเศษ แล้วปัญหาจะหมดไป เพราะมีแต่จะทำให้ปัญหารุนแรงมากขึ้น
นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า นายกรัฐมนตรีต้องทำให้เกิดความชัดเจนในเชิงนโยบาย และต้องมอบหมายรองนายกฯ หรือรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งให้ดูแลทุกหน่วยงานเดินตามนโยบายอย่างมีเอกภาพ และเห็นว่าหากมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพิ่มเติมจะเป็นการถอยหลังจากเดิมที่รัฐบาลชุดที่แล้วแก้ปัญหาจนใกล้จะยกเลิกการใช้ พ.ร.ก.ในหลายพื้นที่ได้ ทั้งนี้ มาตรการในการป้องกันสำคัญที่สุด โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ ควรซักซ้อมกับประชาชนในพื้นที่ว่าจะทำในรูปแบบไหนอย่างไร ซึ่งตนไม่คิดว่าคนในพื้นที่จะอยากได้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ส่วนที่อ้างว่าเหตุรุนแรงที่ อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี เป็นเพราะไม่มีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้นคงไม่จริง เพราะมีหลายพื้นที่ที่เกิดเหตุในพื้นที่ที่มีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และไม่มีอะไรบ่งบอกว่าพื้นที่ที่ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินจะมีปัญหามากกว่าพื้นที่ที่ยังมีการบังคับใช้อยู่ ทั้งนี้เห็นว่ารัฐบาลต้องพยายามไม่ให้ความรุนแรงขยายตัวไปยังพื้นที่อื่นเพิ่มเติม ด้วยการป้องกันและปรับนโยบายภาพรวมเป็นเรื่องเร่งด่วนที่อยากให้ทำ เพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพ
สำหรับการฟื้นฟูในพื้นที่หลังเกิดเหตุนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า นอกจากการฟื้นฟูเยียวยาแล้วที่สำคัญคือการฟื้นความเชื่อมั่นซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อนโยบายมีความเป็นเอกภาพ กำหนดทิศทางที่ถูกต้องโดยได้รับความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ในแง่มาตรการการป้องกันในพื้นที่