“ยุทธศักดิ์” เรียกประชุมหน่วยงานด้านการข่าว เหตุคนร้ายคาร์บอมบ์หลายจุดในพื้นที่ภาคใต้ ยอมรับฝ่ายข่าวเคยจัดทำเหตุสถิติผู้ก่อความไม่สงบมักก่อเหตุช่วงปลายเดือนมี.ค. หวังตอบโต้เจ้าหน้าที่รัฐ หลังลงปราบปรามอย่างจริงจัง ยันตรวจสอบกล้องวงจรปิดเสร็จรู้ตัวแน่ ยอมรับผลจากการไม่ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่ อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา กลายเป็นช่องโหว่ให้คนร้ายลงมือได้ง่าย เตรียมพิจารณาการประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีกครั้ง พร้อมลงพื้นที่พรุ่งนี้
วันนี้ (1 เม.ย.) พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ได้เรียกหน่วยประชุมหน่วยงานด้านการข่าว ประกอบด้วย เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ ตัวแทนหน่วยข่าวกรองจากกองทัพ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (สรภ.) และตัวแทนจากตำรวจสันติบาล พร้อมกันที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล เพื่อติดตามความคืบหน้าเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดในพื้นที่ อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี อ.เมือง จ.ยะลา และอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา
โดย พล.อ.ยุทธศักดิ์ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมว่า หลังเกิดเหตุระเบิดในพื้นที่ภาคใต้หลายจุด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งให้ตนดูแลเอาใจใส่ พร้อมดูรายละเอียดทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงและสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งได้สั่งให้ พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ลงพื้นที่แก้ไขสถานการณ์ พร้อมกับเพิ่มเติมกำลังทหารช่วยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าตรวจพื้นที่ที่มีประชาชนอยู่มาก เช่น พื้นที่สาธารณะ ตลาด โดยให้ตรวจสอบความจริงเหตุคาร์บอมบ์ให้เรียบร้อยในวันนี้ อย่างไรก็ตาม ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 2 เม.ย.นี้ ตนได้ขอลาไม่เข้าร่วมประชุม เพราะจะลงพื้นที่ไปดูแลความเรียบร้อย
พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวยอมรับว่า ก่อนหน้านี้หน่วยงานด้านการข่าวได้รายงานให้เอาใจใส่เพราะช่วงปลายเดือน มี.ค.ของทุกปีมักจะเกิดเหตุแบบนี้ซ้ำๆ ซึ่งได้สั่งให้ระมัดระวังแล้ว ซึ่งจากการเข้าไปกวาดล้างจับกุม รวมถึงการตัดท่อน้ำเลี้ยงยาเสพติด จึงทำให้ผู้ก่อความไม่สงบตอบโต้ ซึ่งหลังจากตรวจสอบกล้องวงจรปิดจะรู้ตัวผู้ก่อเหตุ
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นลักษณะการก่อเหตุ ไม่ใช่การก่อการร้ายใช่หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ใช่การการก่อร้าย แต่เป็นการแสดงความไม่สงบต่อต้านเจ้าที่รัฐที่ปรับนโยบายและเข้าไปปรามปราม อีกทั้งประชาชนยังให้ความร่วมมือกับภาครัฐมากขึ้น ซึ่งเชื่อว่าเหตุที่เกิดขึ้นทั้ง 3 พื้นที่มีความเชื่อมโยงกัน
รองนายกฯ ยังยอมรับด้วยว่า ผลจากการไม่ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่ อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา กลายเป็นช่องโหว่ให้คนร้ายลงมือได้ง่าย ซึ่งหากครบ 3 เดือนที่มีการประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คงต้องพิจารณาอีกครั้ง เพราะอย่างในพื้นที่ อ.แม่ลาน ขนาดมีการประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยังเกิดเหตุถึง 2 ครั้ง
“การกระทำของผู้ก่อเหตุเกิดจากความไม่พอใจฝ่ายความมั่นคง ดังนั้น ต้องตอบโต้กับฝ่ายความมั่นคง แต่การทำต่อประชาชนที่ไม่รู้เรื่องถือว่าขาดมนุษยธรรม ซึ่งจะส่งผลต่อการกระทำของเขาต่อไป” พล.อ.ยุทธศักดิ์ระบุ