ที่ประชุม กมธ.แก้ รธน.ฉบับเสียงข้างมากเดินเครื่องผ่าน 5 มาตรารวด เห็นชอบตามข้อเสนอ พท.ให้รัฐสภาคัดเลือก ส.ส.ร.ให้แล้วเสร็จภายใน 75 วัน สวนทางความเห็น กกต.เสนอให้รัฐสภาตรา กม.รับรองการเลือกตั้ง ส.ส.ร.ก่อน
คลิกที่นี่ เพื่อฟังคลิปเสียง"นายสามารถ แก้วมีชัย"
วันนี้ (3 เม.ย.) ในการประชุมคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่มี นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน ได้มีมติเสียงเห็นชอบกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจำนวน 5 มาตราภายในวันเดียว ประกอบด้วย มาตรา 291/5 291/6 291/7 291/8 และ 291/9 ซึ่งมีเนื้อหาครอบคลุมการกำหนดให้รัฐสภาคัดเลือกส.ส.ร.จากผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 22 คนภายใน 75 วัน และให้ ส.ส.ร.มีสมาชิกภาพนับตั้งแต่วันเลือกตั้ง รวมทั้งให้มีการประชุม ส.ส.ร.ครั้งแรกภายใน 30 วันนับตั้งแต่เลือกตั้ง ส.ส.ร.
ทั้งนี้ การประชุม กมธ.ได้ใช้เวลาในการพิจารณาเฉพาะมาตรา 291/5 กว่า 7 ชั่วโมงก่อนลงมติ 20 ต่อ 6 เสียงเห็นชอบตามที่นายพิชิต ชื่นบาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ กมธ.พรรคเพื่อไทย เป็นผู้เสนอ ซึ่งสวนทางกับความเห็นของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (ส.ส.ร.) ที่ได้ทำหนังสือมาถึงที่ประชุม กมธ.ว่า กกต.มีมติต้องการให้รัฐสภาตรากฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งเป็นกรณีเฉพาะ
สำหรับถ้อยคำในมาตรา 291/5 ที่ถูกแก้ไขระบุว่า กกต.ต้องจัดการเลือกตั้ง ส.ส.ร.ให้เสร็จภายใน 75 วัน และให้นำกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น รวมทั้งบทกำหนดโทษที่เกี่ยวข้องมาบังคับใช้โดยอนุโลม การวินิจฉัยชี้ขาดเกี่ยวกับการเพิกถอนผลการเลือกตั้งทั้งก่อนและหลังการประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.ร.ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาให้เสร็จสิ้นภายใน 30 วัน
อย่างไรก็ตาม กมธ.ซีกฝ่ายค้านหลายคนแสดงความไม่เห็นด้วยกับที่ประชุม โดยนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในเมื่อ กกต.ได้มีหนังสือมายังที่ประชุม กมธ.ระบุถึงเจตนารมณ์ให้รัฐสภาออกกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.ร.แล้วจะตีความเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย นอกจากจะต้องตรา พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ร.ออกมา ไม่ใช่ให้นำบทบัญญัติของกฎหมายอื่นมาใช้เทียบเคียง
“การทำแบบนี้แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลพยายามใช้เสียงข้างมากเพื่อเร่งรัดการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่คำนึงความถูกต้อง” นายเทพไทกล่าว
ด้านนายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธาน กมธ.ชี้แจงว่า การตราเป็น พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.ร.ออกมาเฉพาะจะต้องใช้เวลาในกระบวนการพิจารณาในรัฐสภานานมาก ดังนั้น รัฐบาลจึงได้นำกฎหมายการเลือกตั้งท้องถิ่นมาเทียบเคียงแทน ซึ่งคิดว่าเป็นกฎหมายที่มีสถานะเป็น พ.ร.บ.เหมือนกัน
