โฆษก ปชป.เหน็บ “ปู” ทำงานไม่เป็นต้องให้ “มาร์ค” นำร่อง ลงดูสถานการณ์คาร์บอมบ์หาดใหญ่ ซัดสารพัดโฆษกใช้สื่อรัฐด่าฝ่ายค้าน ทั้งที่เกิดเหตุรุนแรงในภาคใต้ จี้เยียวยา 7.5 ล้านเหมือนแก๊งแดงเผาเมือง แขวะ “ณัฐวุฒิ-จตุพร” เมินรำลึก 10 เมษาฯ 53 พาคนไปตาย หันฉลองม่วนซื่น กับ “นช.แม้ว” ที่ลาว แนะเสื้อแดงตาสว่างเสียที เชื่อเมื่อนิรโทษกรรมได้ สมุนเสื้อแดงที่ตายและติดคุกจะไม่มีความหมาย ระบุนโยบายค่าแรง 300 บาททำผู้ประกอบการทยอยเจ๊ง
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีตัดสินใจลงพื้นที่ดูสถานที่เกิดเหตุคาร์บอมบ์ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา หลังจากที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาขีวะ ผู้นำฝ่ายค้านฯ ลงพื้นที่ไปแล้วเมื่อวานนี้ว่า การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์เปลี่ยนใจจากเดิมที่จะไม่เดินทางลงพื้นที่โดยอ้างว่าจะมีปัญหาเรื่องการจัดเจ้าหน้าที่มาคุ้มกันนั้น เป็นเพราะนายอภิสิทธิ์ได้ทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง หากไม่ทำเป็นตัวอย่างนายกรัฐมนตรีคงทำงานไม่เป็น ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียใจที่รัฐบาลเอาความสูญเสียทั้งชีวิต ทรัพย์สินของประชาชน รวมทั้ง เศรษฐกิจประเทศ มาเล่นเกมการเมืองชิงคะแนนเสียงเอาหน้ากับประชาชน
พร้อมกับตำหนิการทำงานของสารพัดโฆษกพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลที่ใช้วาทะทางการเมืองวิจารณ์การทำงานของพรรคประชาธิปัตย์ในการประชุมใหญ่แบบไม่สร้างสรรค์ วันเดียวกับที่พี่น้องภาคใต้เผชิญกับความรุนแรงในพื้นที่โดยยังไม่มีวี่แววว่ารัฐบาลจะแก้ปัญหาได้ แต่คนเหล่านี้กลับใช้สถานีของรัฐวิจารณ์ฝ่ายค้าน แทนที่จะใช้เวลาเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน สะท้อนถึงการทำงานการเมืองที่คิดแต่ประโยขน์ของตัวเองละทิ้งประชาชน
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้สมาชิกพรรคเคยเตือนรัฐบาลหลายครั้งให้ระมัดระวังเหตุรุนแรง เพราะมีสัญญาณว่าอาจจะขยายเข้าสู่เขตเมือง จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลลงไปดูแลสถานการณ์อย่างใกล้ชิดใน 3 จังหวัดภาคใต้ และสงขลา สตูล เพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจในสถานการณ์พร้อมกับให้รัฐบาลประกาศเยียวยาการสูญเสียครั้งนี้ให้เท่ากับที่นายกรัฐมนตรีเคยนำเงินเยียวยาไปมอบให้แก่ครอบครัวผู้สื่อข่าวญี่ปุ่นถึงที่ประเทศญี่ปุ่น จำนวน 7.5 ล้านบาทด้วย
ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะเดินทางไปลาวและกัมพูชา และจัดงานม่วนซื่น ในวันที่ 11 เมษายนนั้น นายชวนนท์กล่าวว่า ขอถามว่าลืมเหตุการณ์ 10 เมษายน 2553 แล้วหรือว่าเกิดอะไรขึ้น ในวันนั้นเกิดเหตุการณ์ความสูญเสียที่สี่แยกคอกวัว มีผู้เสียชีวิต 25 ราย และบาดเจ็บจำนวนมาก ขณะที่ในวันที่ 10 เมษายน 2554 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้ขึ้นเวทีพูดจาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และนำความสูญเสียที่เกิดขึ้นไปปลุกระดมประชาชน เช่นเดียวกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรฯ
“แต่วันนี้คนเหล่านี้กลับเตรียมที่จะไปฉลองด้วยการรดน้ำดำหัว พ.ต.ท.ทักษิณ จึงคิดว่าพี่น้องเสื้อแดงต้องตาสว่าง เพราะเมื่อคนเหล่านี้มีอำนาจออกกฎหมายนิรโทษกรรมได้ ศพของพี่น้องเสื้อแดงและคนที่ติดคุกก็ไม่อยู่ในสายตาอีกต่อไป เพราะกำลังจะไปม่วนซื่นที่ลาว อีกทั้งในวันนี้แกนนำเสื้อแดงกลับไม่พูดถึงความสูญเสียในวันดังกล่าว แต่พวกเราที่จะรำลึกเหตุการณ์ให้ว่า ในวันดังกล่าวประเทศชาติต้องสูญเสียนายทหาร และประชาชน เพราะมีชายชุดดำติดอาวุธแฝงตัวในกลุ่มผู้ชุมนุม”
นายชวนนท์กล่าวว่า ผลจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 ทำให้โรงแรมขนาดเล็กรัฐบาลไม่มีมาตรการช่วยเหลือ ทำให้ปิดกิจการจำนวนมากในจังหวัดสงขลา ยิ่งมีเหตุระเบิดเกิดขึ้นก็พังทั้งระบบ รัฐบาลจึงต้องมีแผนในการเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของแรงงานหากจะเพิ่มค่าแรงด้วย โดยในขณะนี้มีแนวโน้มที่จะตกงานมากขึ้น เห็นได้จาก ปตท.ปรับแผนสร้างปั๊มให้ผู้บริโภคเติมเอง โรงแรมดุสิตไม่รับพนักงานเพิ่ม บริษัท ทีเคการ์เมนต์ จำกัด ย้ายฐานการผลิตไปประเทศเพื่อนบ้าน ตัวเลขมูลค่าการลงทุนจากการสร้างโรงงานใหม่ของกรมอุตสาหกรรม ในปีนี้มีมูลค่า 40,376 ล้านบาท ในขณะที่ปีที่แล้ว 76,115 ล้านบาท เทียบแล้วลดลง 34,749 ล้านบาท สาเหตุที่ทำให้ไม่กล้าเปิดโรงงานใหม่เพราะค่าแรง 300 บาท โดยขณะนี้มีผลกระทบอย่างมากต่อกิจการเอสเอ็มอี มีโรงงานเซรามิกปิดตัว 5 แห่งคนตกงานกว่า 3 พันคน เพราะสู้ค่าแรงขั้นต่ำและราคาน้ำมันที่สูงขึ้นไม่ได้