ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผอ.บีโอไอชลบุรี ยันไม่มีภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในพื้นที่ย้ายฐานผลิตไปประเทศเพื่อนบ้าน จากการบังคับใช้กฎหมายค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน เหตุภาคตะวันออกเป็นฐานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ของประเทศ ที่ปัจจุบัน ค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำทะลุ 300 บาทไปแล้ว
นายสุวิชช์ ฉั่ววิเชียร ผู้อำนวยการ ศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 4 บีโอไอ ชลบุรี) เผยว่าผลจากการประกาศใช้กฎหมายค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน ของรัฐบาลที่เริ่มบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา ไม่มีผลกระทบต่อการลงทุนภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่ภาคตะวันออก เพราะเป็นพื้นที่แห่งการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ของประเทศ จึงให้ค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำในปัจจุบันทะลุกว่า 300 บาทต่อวันแล้ว
อย่างไรก็ตาม แม้ภาคลงทุนขนาดใหญ่จะไม่ได้รับผลกระทบ แต่ในส่วนของผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อม อาจได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว ขณะที่ในส่วนของผู้ประกอบธุรกิจการ์เมนต์ อาจต้องย้ายฐานผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่มีค่าจ้างแรงงานถูกกว่าแทน
“สาเหตุที่กล้ายืนยันว่าภาคตะวันออกจะไม่มีการย้ายฐานผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ก็เพราะว่าตัวเลขการขอส่งเสริมการลงทุนที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่เดือนม.ค.เป็นต้นมา ขณะเดียวกัน ยังมีการย้ายโรงงานของผู้ประกอบการจากพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมเข้ามาในภาคตะวันออกอีกเป็นจำนวนมาก ไม่นับรวมกลุ่ม SMEs จากประเทศญี่ปุ่นที่ย้ายเข้ามาเช่นกัน ขณะที่นโยบายรถคันแรกของรัฐบาล ก็ทำให้ความต้องการรถยนต์ในประเทศเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งความต้องการใช้รถอีโคคาร์ ก็จะทำให้ความต้องการชิ้นส่วนยานยนต์โตตาม ซึ่งค่าแรง 300 บาทต่อวันไม่มีผลต่อการลงทุนของนักลงทุนในพื้นที่แห่งนี้”
นายสุวิชช์ ยังเผยอีกว่า สิ่งที่บีโอไอเป็นห่วงในขณะนี้ ไม่ใช่เรื่องผลกระทบจากค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ แต่เป็นเรื่องของการขาดแคลนแรงงาน โดยเฉพาะแรงงานฝีมือซึ่งเป็นผลจากนโยบายเรียนฟรีของรัฐบาล ที่ทำให้เยาวชนหันเข้าศึกษาในระดับปริญญาตรี มากกว่าสายอาชีพ จึงทำให้มีบุคลากรก้าวเข้าสู่เส้นทางสายอาชีพ และการพัฒนาแรงงานฝีมือน้อยลง จึงเกรงว่าจะมีผลต่อการตัดสินใจเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างๆ
ที่สำคัญขณะนี้ เริ่มมีนักลงทุนทั้งชาวไทย และต่างชาติ เริ่มเข้ามาขออนุญาตจากบีโอไอ เพื่อขอใช้แรงงานต่างด้าวในกระบวนการผลิต แต่เนื่องจากนโยบายของบีโอไอยังไม่อนุญาตให้ภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับส่งเสริมการลงทุนใช้แรงงานต่างด้าว จึงได้แต่เพียงขอให้นักลงทุนรอทิศทาง และการตัดสินใจของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวต่อไป
ทั้งนี้ ตัวเลขการลงทุนในพื้นที่ภาคตะวันออก ในช่วงเดือนมี.ค. 2555 พบว่า มีโครงการที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนทั้งสิ้น 62 โครงการ และมีมูลค่าการลงทุนรวม 2.69 หมื่นล้านบาท มีการจ้างงาน 5,026 คน โดยจังหวัดชลบุรี ยังเป็นจังหวัดที่มีการลงทุนสูงที่สุด รองลงมาคือจังหวัดระยอง
นายสุวิชช์ ฉั่ววิเชียร ผู้อำนวยการ ศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 4 บีโอไอ ชลบุรี) เผยว่าผลจากการประกาศใช้กฎหมายค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน ของรัฐบาลที่เริ่มบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา ไม่มีผลกระทบต่อการลงทุนภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่ภาคตะวันออก เพราะเป็นพื้นที่แห่งการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ของประเทศ จึงให้ค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำในปัจจุบันทะลุกว่า 300 บาทต่อวันแล้ว
อย่างไรก็ตาม แม้ภาคลงทุนขนาดใหญ่จะไม่ได้รับผลกระทบ แต่ในส่วนของผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อม อาจได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว ขณะที่ในส่วนของผู้ประกอบธุรกิจการ์เมนต์ อาจต้องย้ายฐานผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่มีค่าจ้างแรงงานถูกกว่าแทน
“สาเหตุที่กล้ายืนยันว่าภาคตะวันออกจะไม่มีการย้ายฐานผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ก็เพราะว่าตัวเลขการขอส่งเสริมการลงทุนที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่เดือนม.ค.เป็นต้นมา ขณะเดียวกัน ยังมีการย้ายโรงงานของผู้ประกอบการจากพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมเข้ามาในภาคตะวันออกอีกเป็นจำนวนมาก ไม่นับรวมกลุ่ม SMEs จากประเทศญี่ปุ่นที่ย้ายเข้ามาเช่นกัน ขณะที่นโยบายรถคันแรกของรัฐบาล ก็ทำให้ความต้องการรถยนต์ในประเทศเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งความต้องการใช้รถอีโคคาร์ ก็จะทำให้ความต้องการชิ้นส่วนยานยนต์โตตาม ซึ่งค่าแรง 300 บาทต่อวันไม่มีผลต่อการลงทุนของนักลงทุนในพื้นที่แห่งนี้”
นายสุวิชช์ ยังเผยอีกว่า สิ่งที่บีโอไอเป็นห่วงในขณะนี้ ไม่ใช่เรื่องผลกระทบจากค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ แต่เป็นเรื่องของการขาดแคลนแรงงาน โดยเฉพาะแรงงานฝีมือซึ่งเป็นผลจากนโยบายเรียนฟรีของรัฐบาล ที่ทำให้เยาวชนหันเข้าศึกษาในระดับปริญญาตรี มากกว่าสายอาชีพ จึงทำให้มีบุคลากรก้าวเข้าสู่เส้นทางสายอาชีพ และการพัฒนาแรงงานฝีมือน้อยลง จึงเกรงว่าจะมีผลต่อการตัดสินใจเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างๆ
ที่สำคัญขณะนี้ เริ่มมีนักลงทุนทั้งชาวไทย และต่างชาติ เริ่มเข้ามาขออนุญาตจากบีโอไอ เพื่อขอใช้แรงงานต่างด้าวในกระบวนการผลิต แต่เนื่องจากนโยบายของบีโอไอยังไม่อนุญาตให้ภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับส่งเสริมการลงทุนใช้แรงงานต่างด้าว จึงได้แต่เพียงขอให้นักลงทุนรอทิศทาง และการตัดสินใจของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวต่อไป
ทั้งนี้ ตัวเลขการลงทุนในพื้นที่ภาคตะวันออก ในช่วงเดือนมี.ค. 2555 พบว่า มีโครงการที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนทั้งสิ้น 62 โครงการ และมีมูลค่าการลงทุนรวม 2.69 หมื่นล้านบาท มีการจ้างงาน 5,026 คน โดยจังหวัดชลบุรี ยังเป็นจังหวัดที่มีการลงทุนสูงที่สุด รองลงมาคือจังหวัดระยอง
