ทีมโฆษกเพื่อไทย เรียงคิวโต้ ปชป.กล่าวหารัฐแทรกแซงช่อง 9 อสมท ซัดกลับเหตุเทปไม่ได้ออกอากาศเพราะทำผิดเงื่อนไขและเนื้อหาล่อเป้ารัฐบาลโจ่งแจ้ง ยันเป็นสิทธิสถานีสั่งแบน ระบุวิปรัฐชงขยายเวลามัยประชุมถึง 30 เม.ย. เชื่อปิดจ็อบ “ปรองดอง-แก้ รธน.” ทันแน่
วันนี้ (2 เม.ย.) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์กล่าวหาว่ารัฐบาลแทรกแซง จนเป็นเหตุให้สถานีสถานีวิทยุโทรทัศน์ช่อง 9 อสมท ระงับการออกอาการศเทปบันทึกภาพการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคประชาธิปัตย์ว่า ยืนยันว่าไม่มีการแทรกแซงสื่ออย่างแน่นอน แต่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ทำผิดรายละเอียดในสัญญาที่ทำไว้กับช่อง 9 หลายประการ อาทิ กรณีการส่งเทปล่าช้ากว่ากำหนด จากที่นัดหมายในเวลา 20.00 น. แต่กลับส่งมาให้ในเวลา 22.00 น. ทั้งที่ตามปกติต้องส่งให้ตรวจสอบก่อนล่วงหน้า 3 วัน อีกทั้งเนื้อหาก็ผิดไปจากหัวข้อในสัญญาเช่าเวลาที่ทำกันไว้ โดยเบื้องต้นแจ้งว่าจะเผยแพร่การประชุมใหญ่ของพรรค แต่กลับมีเนื้อหาที่โจมตีรัฐบาลหลายเรื่อง ซึ่งสถานีโทรทัศน์ก็มีอิสระในการพิจารณาไม่ให้ออกอากาศ
นายจิรายุกล่าวอีกว่า ในสมัยที่พรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้านก็เคยมีการติดต่อขอออกสื่อ ก็ไม่ได้รับความสะดวกเช่นกัน ทั้งที่เนื้อหาเป็นการทำงานตรวจสอบรัฐบาล แต่ถูกตีกลับจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) 7-8 ครั้งกว่าจะได้ออกอากาศ ซึ่งในตอนนั้นพรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้ออกมาตีโพยตีพาย จึงขอเรียกร้องไม่ให้พรรคประชาธิปัตย์อัลไซเมอร์ ทำเป็นลืมเหตุการณ์เมื่อครั้งที่เป็นรัฐบาล ก็ไม่ได้เปิดโอกาสให้พรรคฝ่ายค้านได้ใช้เวลาของสื่อภาครัฐ ส่วนกรณีการเปิดให้ฝ่ายค้านได้ออกสื่อของรัฐนั้น ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีจดหมายอย่างเป็นทางการจากผู้นำฝ่ายค้านเลย มีเพียงการกล่าวหาและตีกินไปเรื่อย ซึ่งหากมีจดหมายร้องขอมา ก็จะเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการของสถานีโทรทัศน์ที่จะตัดสินใจในทางใดทางหนึ่งได้
นายจิรายุ ในฐานะคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ยังได้เปิดเผยถึงผลการประชุมวิปรัฐบาลด้วยว่า ในการประชุมได้มีการพิจารณา 2 วาระที่จะเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 4-5 เม.ย.นี้ โดยวาระแรกจะเป็นร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สารต้องห้ามการกีฬา ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาพิจารณา 1-2 ชั่วโมง หลังจากนั้นจะเป็นการพิจารณารับทราบรายงานวิจัยการสร้างความปรองดองแห่งชาติ ของสถาบันพระปกเกล้า ที่เสนอผ่านคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งคาดว่าใช้เวลาพิจารณา 2 วันน่าจะแล้วเสร็จ รวมถึงการถ่ายทอดสดเพื่อให้ประชาชนร่วมรับทราบการทำงานในส่วนนี้ของสภาด้วย ในส่วนของข้อเป็นห่วงเกี่ยวองค์ประชุมในการพิจารณารายงานปรองดองนั้น ส่วนตัวเชื่อว่าจะไม่มีปัญหา เพราะตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาทำหน้าที่ องค์ประชุมสภาก็ยังไม่เคยล่มแม้แต่ครั้งเดียว และคงปล่อยให้เป็นไปตามกลไกของวิปรัฐบาลในการควบคุมสมาชิกให้เข้าร่วมประชุม
สำหรับการขยายเวลาสมัยประชุมสภาที่จะสิ้นสุดในวันที่ 18 เม.ย.นี้นั้น นายจิรายุกล่าวว่า มีความชัดเจนแล้วว่าจะมีการเสนอต่อสมัยประชุมให้สิ้นสุดในวันที่ 30 เม.ย. โดยเชื่อว่าจะเพียงพอต่อทั้งการพิจารณารายงานวิจัยปรองดอง และการพิจารณาวาระที่ 2 และ 3 ของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 รวมทั้งยังมีเวลาในการพิจารณาร่างกฎหมายต่างๆ ที่ค้างอยู่ในวาะการประชุมด้วย