รักษาการโฆษกรัฐบาล เผย ที่ประชุม ครม.เห็นชอบ พ.ร.บ.การยาง ชงเข้าสภาฯต่อ ยันตอบโจทย์บริหารจุดเดียวเบ็ดเสร็จเพื่อเอกภาพอุตสาหกรรม พร้อมรับทราบรายงาน กมธ.เกษตร วุฒิฯ ดันสหกรณ์วาระชาติ, แผนแม่บทป้องกันสึนามิ
วันนี้ (29 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในส่วนของการเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การยางแห่งประเทศไทย พ.ศ.... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้นำเสนอ โดยให้ส่งคณะกรรมการประสานงาน (วิป) สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาก่อนนำเข้าสู่วาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
นายอนุสรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ยางพาราถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่ทำรายได้เข้าประเทศลำดับต้นๆ สามารถทำรายได้ขณะนี้ราว 6.8 แสนล้านต่อปี ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะผลักดันให้เป็นปีละ 1 ล้านล้านบาท ในเวลาอันใกล้นี้ สำหรับร่าง พ.ร.บ.การยาง นี้ จะถือเป็นการตอบโจทย์ในเรื่องการบริหารจัดการแบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จ เพื่อรวมศูนย์ข้อมูลและนำข้อมาจัดหมวดหมู่เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการนโยบายยางพารามีเอกภาพ และส่งผลดีกับอุตสาหกรรมยางทั้งระบบ รวมทั้งส่งผลต่อความเชื่อมั่นสะท้อนผ่านราคายางในตลาดทั้งในและต่างประเทศ ถือเป็นเรื่องที่ชาวสวนยางและผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยางพารา รอคอยมาเกือบ 30 ปีแล้ว
ทั้งนี้ ในส่วนสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.การยาง นั้น นายอนุสรณ์ กล่าวว่า กำหนดให้จัดตั้งองค์กรที่ชื่อ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) โดยให้มีรูปแบบเป็นนิติบุคคล มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นองค์กรกลางรับผิดชอบดูแลบริหารจัดการยางพาราของประเทศอย่างเป็นระบบครบวงจร รวมทั้งการบริหารจัดการองทุนพัฒนายางพารา ตลอดจนส่งเสริมสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางผลิตยางพาราต่อไป
นอกจากนี้ ครม.ยังได้รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา ในเรื่องการส่งเสริมและสนับสนุนให้สหกรณ์เป็นวาระแห่งชาติ ในโอกาสทศวรรษครบ 100 ปีของการสหกรณ์ไทย โดย นายอนุสรณ์ กล่าวว่า เรื่องนี้มีแนวทางใน 4 ประเด็นหลัก คือ 1.การพัฒนาและขับเคลื่อนการรวมกลุ่มในชนบท ให้เป็นรากฐานที่สำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม โดยมีองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นเป็นผู้ส่งเสริมสนับสนุน และมีหน่วยงานระดับตำบลเป็นศูนย์กลางบูรณาการจัดระบบด้านการผลิตด้านการเกษตร เน้นการร่วมกลุ่มในรูปแบบสหกรณ์ 2.ผลักดันให้กำหนดหลักสูตรว่าด้วยสหกรณ์ไว้ในหลักสูตรการเรียกการสอน และการอบรมผู้นำผู้บริหารทุกระดับ โดยจัดตั้งคณะกรรมการระดับชาติยกร่างหลักสูตร 3.ปฏิรูปโครงสร้างและหน่วยงานภาครัฐให้เป็นเอกภาพ และมีส่วนร่วมกับกระบวนการสหกรณ์ และ 4.รัฐต้องให้การสนับสนุนงบประมาณและการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจัง
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวด้วยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบความคืบหน้าแผนแม่บทป้องกันและบรรเทาภัยจากคลื่นยักษ์สึนามิ ในการดำเนินการแผนปฏิบัติการและงบประมาณระยะที่ 3 ปี 2554-2556 เพื่อเป็นการส่งสัญญาณสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวในพื้นที่ที่เคยเกิดเหตุการณ์สึนามิ ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวตั้งแต่เดือน เม.ย.เป็นต้นไป กระทรวงมหาดไทยจึงเสนอให้ ครม.ได้รับทราบความคืบหน้าในการดำเนินการปฏิบัติการ ระยะที่ 3 โดยมีสาระสำคัญ คือ การกำหนดแผนงานที่ได้รับอนุมัติตามปีงบประมาณ 2554 มีแผนงานที่ได้รับงบประมาณไปแล้ว 41 แผนงาน จำนวนงบประมาณ 270.88 ล้านบาท สำหรับปีงบประมาณ 2555 มี 220 แผนงานรวมงบประมาณ 2,630.28 ล้านบาท ทั้งนี้ งบประมาณดังกล่าวจะถูกนำไปสร้างในเรื่องการป้องกันและลดผลกระทบจากคลื่นยักษ์สึนามิ และการจัดการในภาวะฉุกเฉินหากเกิดขึ้น