“ลูกยอด” ตอบกระทู้ ส.ว.ถามแก้ของแพง เผยรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ดูแลราคาสินค้าอย่างใกล้ชิด ไม่ให้มีการกักตุนสินค้า เผยนโยบายรัฐบาลเตรียมลดภาษีเงินได้นิติบุคคล-ช่วยผู้ประกอบการรายย่อย พร้อมเดินหน้าร้านโชวห่วยช่วยชาติ และร้านธงฟ้าขายอาหารราคาถูก
วันนี้ (26 มี.ค.) ที่รัฐสภา การประชุมวุฒิสภา ซึ่งมี พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้เข้าสู่วาระกระทู้ถามด่วน เรื่องการดำเนินการของรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาสินค้าและบริการมีราคาสูงขึ้นให้กับผู้ประกอบการและประชาชน โดยนายอนุรักษ์ นิยมเวช ส.ว.สรรหา เป็นผู้ตั้งกระทู้ถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งได้มอบหมายให้ นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ตอบแทน
นายอนุรักษ์กล่าวว่า ประเทศกำลังเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่สูง ยิ่งทำให้ราคาของสินค้าอุปโภคและบริโภคสูงขึ้นด้วย อย่างเช่นราคาก๊าซหุงต้มที่เพิ่มขึ้น ก็ทำให้ราคาต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการต้องเพิ่มขึ้นอีก 3-6 เปอร์เซ็นต์ และยังมีปัญหาเรื่องราคาน้ำมันที่ทำให้ค่าใช้จ่ายในการขนส่งเพิ่มสูงขึ้นอีก ซึ่งตนอยากจะถามรัฐบาลว่ามีแนวทางในการแก้ไขปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้นจากการปรับเงินค่าแรงงานขั้นต่ำ และนโยบายในการแก้ไขปัญหาระยะสั้นอย่างไร ทั้งนี้ รัฐบาลจะต้องตอบว่าจะมีการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย หรือเอสเอ็มอี อย่างไรเพื่อให้ดำเนินธุรกิจต่อไปได้
ด้าน นายศิริวัฒน์กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจในการติดตามแก้ไขปัญหาเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิด ในด้านของราคาสินค้าก็จะมีการตรึงราคาเอาไว้ ในส่วนของสินค้าจำหน่ายปลีก ทางรัฐบาลก็จะดูแลราคาในการจำหน่าย โดยเฉพาะสินค้าที่จำเป็นจะต้องมีการติดตามอย่างใกล้ชิด ก็จะมีการติดตามในทุกๆ สัปดาห์ และก็จะดูแลไม่ให้มีการกักตุนสินค้า ซึ่งก็จะมีมาตรการทางกฎหมายเพื่อดูแลสินค้าให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนด้วย อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดที่ของปรับราคาสินค้าขึ้น นโยบายของรัฐบาลยังสนับสนุนให้มีการลดภาษีเงินได้นิติบุคคล และยังมีโครงการเพื่อช่วยเหลือธุรกิจรายย่อย เช่น การประหยัดพลังงานในโรงงานของเล็ก หรือโครงการแปรรูปสินค้าการเกษตรที่จะทำให้ราคาต้นทุนการผลิตก็จะลดลงด้วย
ทั้งนี้ รัฐบาลยังได้มีการจัดทำโครงการลดค่าครองชีพ ไทยช่วยไทย เช่น ร้านโชวห่วยช่วยชาติ ที่จะมีสินค้าที่มีความจำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวันประมาณ 20 รายการ จะนำไปจำหน่ายในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ โดยจะเริ่มต้นที่พื้นที่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลก่อน ซึ่งการดำเนินโครงการนี้ จะให้การสนับสนุนร้านค้าในชุนชน โดยจะนำสินค้าไปจำหน่ายในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาด เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ยังมีร้านค้าธงฟ้าจำหน่ายอาหารราคาถูก เพื่อช่วยเหลือประชาชนอีกทางหนึ่งด้วย