วงเสวนา “เสียงจากผู้หญิงถึงนายกฯหญิง” ผู้นำฝ่ายค้าน ชี้มติ ครม.ปู ยอมให้เพศชายลาไปช่วยดูแลลูกมาจากนโยบาย ปชป.ย้ำ ต้องให้ภรรยาเซ็นรับรอง ระบุ กองทุนสตรี เหลว สมัครแค่ 5 ล้าน อีก 28 ล้านเข้าไม่ถึงกองทุน เชื่อขัดรธน.เตรียมยื่นฟ้องศาลปกครองฟัน
วันนี้ (25 มี.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเปิดสัมมนา “เสียงจากผู้หญิงถึงนายกฯหญิง” ว่า ความสำเร็จของสตรีตนเป็นคนหนึ่งที่ยืนยันมาโดยตลอด ว่า ทั้งต้องร่วมกันผลักดันและพยายามเต็มที่ในการติดตามปัญหาของผู้หญิง และมีส่วนร่วมเริ่มจากกฎหมายความรุนแรงในครอบครัว และในช่วงที่เป็นนายกรัฐมนตรีก็ติดตามปัญหาเรื่องความไม่เท่าเทียม และความไม่เป็นธรรม โดยเหตุผลที่ทำให้ผู้หญิงไม่ก้าวหน้าในทุกอาชีพเป็นเพราะภาระจากครอบครัว ตนจึงส่งเสริมให้มีสถานดูแลเด็กเล็กในสถานประกอบการ และการผลักดันให้ผู้ประกอบอาชีพแรงงานอิสระ แรงงงานนอกระบบ เข้าสู่ระบบประกันสังคม รวมทั้งการสร้างค่านิยมความรับผิดชอบร่วมกันระหว่างหญิงชายในการเลี้ยงดูบุตร ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาครม.มีมติให้ผู้ชายลาไปช่วยดูแลลูกได้ก็เป็นความต่อเนื่องที่รัฐบาลตนได้ดำเนินการเอาไว้ แต่สามีที่จะใช้สิทธินี้ต้องให้ภรรยารับรองด้วยว่าลาไปเลี้ยงดูลูกจริง
ด้าน นางธนวดี ท่าจีน กรรมการและเลขานุการมูลนิธิเพื่อนหญิง กล่าวว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงแต่ละปีสูงกว่า 2.7 หมื่นคน มีแนวโน้มสูงและซับซ้อนขึ้น และเสียชีวิต เพราะสามีทำร้าย 200-300 คนต่อปี ทั้งนี้ ยังพบว่า ความรุนแรงทางเพศมีความเสียหายที่เป็นกลุ่มเด็กเพิ่มขึ้นด้วย โดยเครือข่ายสตรีคาดหวังให้นายกมีความตั้งใจแก้ปัญหาเรื่องผู้หญิงอย่างจริงจังมากขึ้น ควรหารือกับทุกหนวยงานที่เกี่ยวข้องรวมถึงภาคประชาชนที่ทำงานเกี่ยวกับสตรี แต่นายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้ดำเนินการในส่วนนี้ ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงกฎหมาย หรือการเปิดโอกาสให้ผู้หญิงมีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน แต่กลับไปทำเรื่องกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี โดยไม่มีการบูรณาการหรือเปิดโอกาสให้ภาคส่วนต่างๆ ได้เข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งทางองค์กรสตรีได้เสนอให้รัฐบาลทบทวนการใช้เงินกองทุนใหม่ โดยอยากให้กำหนดว่า 80% เน้นเรื่องการพัฒนาศักยภาพ อีก 20% ให้มีระบบเงินหมุนเวียน แต่รัฐบาลกลับกำหนดให้ 70% ของกองทุนเป็นเรื่องกู้ยืม อีก 30% เป็นการพัฒนาศักยภาพ ซึงเครือข่ายผู้หญิงเคยรวมตัวไปยื่นหนังสือถึงนายกให้ทบทวนและรอคำตอบอยู่ แต่หากยังทำตามกรอบเดิม เชื่อว่า จะมีผลกระทบแน่นอน
เพราะขณะนี้ยอดสมัครเป็นสมาชิกมีแค่ 5 ล้าน จากผู้หญิงทั้งหมด 33 ล้าน อีก 28 ล้าน หายไปจากระบบการเป็นสมาชิก ทำให้การคัดเลือกคณะกรรมการไม่ครอบคลุม เนื่องจากอีก 28 ล้านคน เข้าไปไม่ถึงกองทุน ซึ่งอาจขัดรัฐธรรมนูญ และเตรียมที่จะฟ้องศาลปกครองให้คุ้มครองชั่วคราว เนื่องจากผู้หญิงควรมีสิทธิในกองทุนโดยไม่ต้องสมัครเป็นสมาชิก