โฆษกเพื่อไทยอ้างหลังรัฐประหารชาติล้าหลังกว่า 10 ปี จี้ “มาร์ค” ลืมอดีตหันหน้าปรองดองเสนอความเห็นผ่านเวทีสภา เผย “อภิวันท์” นัด “สันติ-ประวัฒน์” เคลียร์พรุ่งนี้ ติงไม่ควรเอาเรื่องภายในมาขัดแย้งข้างนอก เล็งใช้อำนาจ กมธ.ป.ป.ช.ยื่น ป.ป.ช.ฟัน กทม.โกงกล้องวงจรปิด แย้มดีเอสไอเล่นเขาแพงจันทร์นี้
วันนี้ (25 มี.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางสร้างความปรองดองแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร เตรียมบรรจุวาระผลการศึกษาของสถาบันพระปกเกล้าเข้าสู่ที่ประชุมร่วมรัฐสภาว่า เป็นสิ่งที่ประชาชนอยากรับรู้ข้อเท็จจริงเนื่องจากตั้งแต่เกิดความขัดแย้งหลัง19 กันยายน 2549 ประเทศไทยเกิดความล้าหลังกว่า 10 ปี โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ จึงอยากเรียกร้องให้ทุกฝ่ายในสังคมรวมถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ลืมอดีตหันมาร่วมมือสร้างความปรองดองให้เกิดในชาติ ยึดแนวทางการให้อภัยเหมือนกรณีของประเทศแอฟริกาใต้ และประเทศพม่า ที่กำลังเข้าสู่กระบวนการปรองดอง เพื่อไม่ให้ไทยเสียโอกาสในหลายๆ ด้านอีกต่อไป ส่วนความคิดเห็นที่แตกต่างก็ควรจะนำเสนอผ่านเวทีรัฐสภา
นายพร้อมพงศ์ยังกล่าวถึงกรณีการออกมาให้สัมภาษณ์ของนายประวัฒน์ อุตตโมต ส.ส.บัญชีรายชื่อ กรณีการแต่งตั้งกรรมการสอบนางพนิตา กำภู ณ อยุธยา อดีตปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พี่สาว และเตรียมเข้าชื่อ ส.ส.ในพรรค ให้ตรวจสอบการทำงานของนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อให้ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ยืนยันว่า ทางพรรคพร้อมให้ความเป็นธรรมอยู่แล้ว โดยคณะกรรมการชุดนายธงทอง จันทรางศุ ก็กำลังดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งหากผลการตรวจสอบระบุว่านางพนิตาไม่ผิดก็เชื่อว่านายกรัฐมนตรีจะคืนความเป็นธรรมให้ ทั้งนี้ในวันจันทร์ที่ 26 มี.ค.นี้ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย จะได้เรียกทั้งสองฝ่ายมาหารือทำความเข้าใจ เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาความขัดแย้งภายในพรรค เรื่องนี้เป็นปัญหาภายในพรรคไม่ควรนำออกมาขัดแย้งข้างนอก เชื่อว่าเรื่องนี้ คงไม่ใช่ประเด็นที่ฝ่ายค้านจะนำมาอภิปราย เพราะไม่มีเหตุผลเพียงพอ
โฆษกพรรคเพื่อไทยในฐานะประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงผลการตรวจสอบ 172 โครงการ พบว่า การจัดซื้ออุปกรณ์กล้องวงจรปิดของ กทม.ส่อทุจริต โดยเชื่อมข้าราชการฝ่ายบริหารระดับสูง 2 คน โดยทางคณะกรรมาธิการฯจะยื่นเอกสารเอาผิดให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ตรวจสอบเอาผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 โดยเฉพาะประเด็นราคาการจัดซื้อเคเบิ้ลใยแก้วนำแสง ที่มีการจัดซื้อสองรอบ โดยมีราคาแพงกว่าราคากลางและราคาทั่วไปหลายเท่าตัว ขณะเดียวกัน กมธ.ยังเดินหน้ายื่นตรวจสอบกรณีเอกสารสิทธิที่ดินบริเวณเขาแพง จังหวัดสุราษฎร์ธานี พบว่า การออกเอกสารสิทธิดังกล่าวไม่ใช่การออกเอกสารสิทธิบนเขา แต่เป็นการออกเอกสารสิทธิบนยอดเขา ซึ่งมีค่าความชันเกินกว่าร้อยละ 35 ซึ่งตามระเบียบของกรมที่ดินก็ไม่สามารถที่จะออกได้ ทั้งนี้ ในวันจันทร์ที่ 26 มีนาคมนี้ ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ จะนำเข้าเป็นคดีพิเศษ
อย่างไรก็ตาม นายพร้อมพงศ์ยังเรียกร้องให้พรรคประชาธปัตย์หยุดวาทกรรมทางการเมือง กล่าวหาพรรคเพื่อไทยว่าดีแต่กู้ ให้ทบทวนตัวเองว่าการบริหารที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ทั้งนี้ หากพบว่าพรรคเพื่อไทยทุจิรตให้นำหลักฐานออกมาเปิดเผย