ประธานวิปค้านซัดรัฐเห็นนิรโทษดีกว่าแก้ปากท้อง ยันราคาสินค้าอุปโภคแพงระยับ สับจำนำข้าวเหลวทำข้าวถุงแพง จับตา “สันติ-พนิตา” มวยล้มต้มคนดูหรือไม่ ชี้ ศธ.-ไอซีทีขัดแย้งซื้อแท็บเล็ตส่อไม่ชอบมาพากล จวก ครม.สัญจรภูเก็ตอย่าดีแต่ปั้นตัวเลข
วันนี้ (20 มี.ค.) ที่รัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมารัฐบาลแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการนิรโทษกรรมและการแก้ไขรัฐธรรมนูญมากกว่าแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน ซึ่งขณะนี้สินค้าและผลผลิตทางการเกษตรมีราคาสูงขึ้น ประชาชนก็รู้สึกว่าเป็นปัญหาที่รุมเร้า ส่วนรัฐบาลกลับออกมาตอบโต้ว่าสินค้าไม่ได้แพงและกลับโยนบาปให้กับสถานการณ์น้ำท่วมครั้งที่ผ่านมา
นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า วิปฝ่ายค้านได้ตรวจสอบราคาทั้งในหมวดอาหารและเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันต่างๆ ก็พบว่ามีราคาสูงขึ้นทั้งน้ำมันพืช น้ำปลา ซีอิ๊ว และมะนาว รวมถึงปุ๋ยที่ใช้ในการเกษตร และล่าสุดทางสมาคมผู้ค้าข้าวถุงออกประกาศว่าหลังสงกรานต์จะขึ้นราคาข้าวถุงอีก 10 บาท ทั้งนี้ก็เพราะเป็นผลมาจากโครงการรับจำนำข้าวที่ล้มเหลวของรัฐบาล
นายจุรินทร์กล่าวเพิ่มเติมว่า อีก 2 เรื่องที่วิปฯ ค้านติดตามคือเรื่องย้ายปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และการจัดซื้อแท็บเล็ต สำหรับกรณีการย้ายปลัด พม.จะต้องคอยติดตามว่าจะเป็นมวยล้มหรือไม่ เพราะทั้ง 2 ฝ่ายต่างยืนยันว่าฝ่ายตัวเองถูกต้อง โดยทางปลัดบอกว่าที่ถูกย้ายเพราะว่าจะมีการหากินกับโครงการสร้างตึกใหม่ของกระทรวง ส่วนฝ่ายรัฐมนตรีกระทรวง พม.อ้างว่าปลัดใช้เงินผิดประเภทในการเดินทางไปต่างประเทศ เรื่องดังกล่าวอาจจะเจ๊าและกลายเป็นมวยล้ม
ประธานวิปฝ่ายค้านกล่าวว่า ในส่วนของการจัดซื้อแท็บแล็ต 1,937 ล้านบาท เป็นประเด็นที่มีการแย่งชิงการจัดซื้อระหว่างกระทรวงไอซีที กับกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งล่าสุดนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ออกมาประกาศว่าจะสั่งล้มระบบจีทูจีที่ได้ดำเนินการมาก่อนหน้านี้ แล้วหันไปใช้รูปแบบเอ็มโอยูแทนเพื่อป้องกันการวิ่งเต้นการติดสินบนการประมูล ทางกระทวงไอซีทียืนยันว่าจะเอาระบบจีทูจีกับจีนต่อไป ซึ่งประเด็นนี้วิปฝ่ายค้านจะติดตามต่อไปเพราะเชื่อว่าเรื่องดังกล่าวไม่ปกติ
ประธานวิปฯ กล่าวถึง ครม.สัญจร ที่ จ.พังงา และ จ.ภูเก็ต ระหว่างวันที่ 19-20 มี.ค.ว่า ขอเตือนรัฐบาลอย่าทำเหมือน ครม.สัญจรสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่เน้นการสร้างภาพ แต่เอาเข้าจริงกลับมีแต่ตัวเลข ผลที่ปรากฏกลับไม่เป็นอย่างที่ได้ประกาศหรือสร้างภาพไว้ ในสมัยที่ตนได้ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขนั้นได้ทราบมาว่าพื้นที่ภาคใต้ ไม่มีการจัดสรรงบประมาณลงเพื่อสร้างอาคารใหม่ในโรงพยาบาลเลย จนกระทั่งสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จึงได้มีการจับงบในโครงการไทยเข้มแข็ง ซึ่งก็ได้เฉลี่ยและให้ความเป็นธรรมแก่ทุกภาคของประเทศ จึงอยากฝากเตือนรัฐบาลในเรื่องนี้ด้วย
วันนี้ (20 มี.ค.) ที่รัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมารัฐบาลแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการนิรโทษกรรมและการแก้ไขรัฐธรรมนูญมากกว่าแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน ซึ่งขณะนี้สินค้าและผลผลิตทางการเกษตรมีราคาสูงขึ้น ประชาชนก็รู้สึกว่าเป็นปัญหาที่รุมเร้า ส่วนรัฐบาลกลับออกมาตอบโต้ว่าสินค้าไม่ได้แพงและกลับโยนบาปให้กับสถานการณ์น้ำท่วมครั้งที่ผ่านมา
นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า วิปฝ่ายค้านได้ตรวจสอบราคาทั้งในหมวดอาหารและเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันต่างๆ ก็พบว่ามีราคาสูงขึ้นทั้งน้ำมันพืช น้ำปลา ซีอิ๊ว และมะนาว รวมถึงปุ๋ยที่ใช้ในการเกษตร และล่าสุดทางสมาคมผู้ค้าข้าวถุงออกประกาศว่าหลังสงกรานต์จะขึ้นราคาข้าวถุงอีก 10 บาท ทั้งนี้ก็เพราะเป็นผลมาจากโครงการรับจำนำข้าวที่ล้มเหลวของรัฐบาล
นายจุรินทร์กล่าวเพิ่มเติมว่า อีก 2 เรื่องที่วิปฯ ค้านติดตามคือเรื่องย้ายปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และการจัดซื้อแท็บเล็ต สำหรับกรณีการย้ายปลัด พม.จะต้องคอยติดตามว่าจะเป็นมวยล้มหรือไม่ เพราะทั้ง 2 ฝ่ายต่างยืนยันว่าฝ่ายตัวเองถูกต้อง โดยทางปลัดบอกว่าที่ถูกย้ายเพราะว่าจะมีการหากินกับโครงการสร้างตึกใหม่ของกระทรวง ส่วนฝ่ายรัฐมนตรีกระทรวง พม.อ้างว่าปลัดใช้เงินผิดประเภทในการเดินทางไปต่างประเทศ เรื่องดังกล่าวอาจจะเจ๊าและกลายเป็นมวยล้ม
ประธานวิปฝ่ายค้านกล่าวว่า ในส่วนของการจัดซื้อแท็บแล็ต 1,937 ล้านบาท เป็นประเด็นที่มีการแย่งชิงการจัดซื้อระหว่างกระทรวงไอซีที กับกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งล่าสุดนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ออกมาประกาศว่าจะสั่งล้มระบบจีทูจีที่ได้ดำเนินการมาก่อนหน้านี้ แล้วหันไปใช้รูปแบบเอ็มโอยูแทนเพื่อป้องกันการวิ่งเต้นการติดสินบนการประมูล ทางกระทวงไอซีทียืนยันว่าจะเอาระบบจีทูจีกับจีนต่อไป ซึ่งประเด็นนี้วิปฝ่ายค้านจะติดตามต่อไปเพราะเชื่อว่าเรื่องดังกล่าวไม่ปกติ
ประธานวิปฯ กล่าวถึง ครม.สัญจร ที่ จ.พังงา และ จ.ภูเก็ต ระหว่างวันที่ 19-20 มี.ค.ว่า ขอเตือนรัฐบาลอย่าทำเหมือน ครม.สัญจรสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่เน้นการสร้างภาพ แต่เอาเข้าจริงกลับมีแต่ตัวเลข ผลที่ปรากฏกลับไม่เป็นอย่างที่ได้ประกาศหรือสร้างภาพไว้ ในสมัยที่ตนได้ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขนั้นได้ทราบมาว่าพื้นที่ภาคใต้ ไม่มีการจัดสรรงบประมาณลงเพื่อสร้างอาคารใหม่ในโรงพยาบาลเลย จนกระทั่งสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จึงได้มีการจับงบในโครงการไทยเข้มแข็ง ซึ่งก็ได้เฉลี่ยและให้ความเป็นธรรมแก่ทุกภาคของประเทศ จึงอยากฝากเตือนรัฐบาลในเรื่องนี้ด้วย
