“วัฒนา” อ้างผลวิจัย ส.พระปกเกล้าคือเส้นแห่งความถูกต้อง ไม่สนขัดแย้งเพิ่ม

“วัฒนา” ดันทุรัง อ้างผลวิจัยสถาบันพระปกเกล้าเป็นเส้นทางแห่งความถูกต้อง เมินกระแสค้านนิรโทษกรรม-ยกเลิกคดี คตส. บอก “นช.แม้ว” หรือใครได้ประโยชน์ก็ต้องยอมรับ พร้อมแตกหักถือธงลงมติใน กมธ.หาก ปชป.ค้าน ไม่สนสร้างความขัดแย้งเพิ่ม เตรียมเปิดเวทีสาธารณะ ให้ผู้วิจัยแจงพุธหน้า

นายวัฒนา เมืองสุข รองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ กล่าวถึงผลการศึกษาของสถาบันพระปกเกล้า ว่าเป็นบทสรุปแล้ว จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาที่เสนอทางเลือกมายังกรรมาธิการ แม้ว่าจะเขียนหน้าปกว่าเป็นร่างศึกษาก็ตาม โดยภายใน 2-3 วันนี้ สถาบันพระปกเกล้าจะส่งฉบับสมบูรณ์มาที่กรรมาธิการ

ทั้งนี้ หลังจากมีกระแสวิจารณ์เกี่ยวกับทางเลือกของผลการศึกษาดังกล่าว พล.อ.สนธิ บุณยรัตกลิน ประธานกรรมิการฯ ได้มีคำสั่งให้เปิดเวทีสาธารณะในวันที่ 21 มี.ค.นี้ เพื่อให้คณะผู้ทำวิจัยชี้แจงเหตุผล วิธีวิจัย ผลการศึกษา โดยจะเชิญทุกฝ่ายมาร่วม รวมถึงหัวหน้าพรรคทุกพรรคและสื่อมวลชน และจะมีการเปิดให้ซักถามด้วย เพราะเรื่องนี้ชี้แจงต่กรรมาธิการแล้ว แต่บางคนไม่ฟังแล้วออกมาพูดข้างนอก แต่เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนของสังคม

ส่วนที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านให้สัมภาษณ์ว่าผลศึกษาดังกล่าวเป็นเพียงร่างนั้น เป็นเพราะนายอภิสิทธิ์ ไม่ได้เป็นกรรมิการจึงไม่ได้รับผลการศึกษาดังกล่าว เพราะคณะผู้วิจัยไม่มีหน้าที่ต้องรายงานนายอภิสิทธิ์ แต่รายงานต่อกรรมริการ

นายวัฒนากล่าวว่า แม้หน้าปกจะเขียนเป็นตัวร่าง แต่ก็ถือว่าเนื้อหาครบถ้วนแล้ว และรายงานฉบับสมบูรณ์จะส่งกรรมาธิการ ซึ่งเนื้อหาจะไม่เปลี่ยนแปลงจากที่กรรมาธิการได้พิจารณา ซึ่งกระบวนการสร้างความปรองดอง คือ เอาสิ่งที่ถูกต้องมาขีดเส้นความถูกต้อง คือเส้นนิติธรรม ถ้าสังคมไทย หรือพรรคการเมืองบางพรรคไม่ยอมรับเส้นความถูกต้องก็ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไร เพราะเรื่องหลักนิติธรรมนักกฎหมายก็เถียงกันไม้จบ แต่เมื่อมอบให้คนกลางคือสถาบันพระปกเกล้าไปดำเนินการแล้วก็ต้องยอมรับ เพราะทางสถาบันพระปกเกล้าต้องมีเหตุผลในการเสนอทางเลือก เช่นกรณีที่ให้ล้มเลิกผลการดำเนินการทางกฎหมายของ คตส.ทั้งหมด ก็ต้องฟังเหตุผลของผู้วิจัย โดยอะไรที่ถูกต้องก็คือสิ่งถูกต้อง

อย่างไรก็ตาม ในคดีที่คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตอภิยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีการใช้ประโยชน์จากคำพิพากษาในคดีที่ดินรัชดา ซึ่งเป็นผลการดำเนินการทางกฎหมายของ คตส. ฟ้องต่อศาลแพ่ง จนได้รับเงินคืนจะทำให้เกิดความยุ่งยากในทางปฏิบัติ และกระทบกับคำตัดสินดังกล่าวหรือไม่ ถ้าล้มเลิกคำพิพากษาจำคุก พ.ต.ท.ทักษิณ คงจะหยิบยกขึ้นมาพูดไม่ได้ แต่หากมีคำถามคงต้องไปถามสถาบันพระปกเกล้า เพราะไม่ใช่ความคิดของคณะกรรมาธิการ

“ในชั้นกรรมาธิการฯทุกคนก็เห็นดีโดยเฉพาะกรรมาธิการพรรคประชาธิปัตย์ที่เสนอให้สถาบันพระปกเกล้าเสนอทางออก เมื่อเขาเสนอทางออกให้ แล้วกรรมาธิการพรรคประชาธิปัตย์กลับบอกว่าไม่เอาแล้ว ผมคิดว่าต้องเอาความถูกต้องเป็นตัวตั้ง ไม่เช่นนั้นประเทศจะเดินไม่ได้ ถ้าไม่เอาเส้นความถูกต้องมาขีด”

ผู้สื่อข่าวถามว่ายืนยันว่ากรรมาธิการเอาเส้นความถูกต้องเป็นตัวตั้งไม่ใช่เอา พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นตัวตั้ง นายวัฒนากล่าวว่า ไม่มี แต่เมื่อเราเอาเส้นความถูกต้องมาเป็นตัวตั้งใครจะได้ประโยชน์จากการขีดเส้นนี้ก็ต้องยอมรับ ไม่เช่นนั้นก็เดินหน้าไม่ได้ เพราะคนที่เขารู้สึกว่าถูกกระทำโดยไม่ถูกต้องก็ยังเจ็บปวด จะทำอย่างไรกับคนเหล่านั้น ซึ่งตนยอมรับว่าผลการพิจารณาของกรรมาธิการคงไม่สามารถทำให้ทุกฝ่ายพอใจ แต่ต้องยึดความถูกต้องเป็นหลัก และกรรมาธิการต้องมีคำตอบที่ชัดเจนจากทางเลือกที่สถาบันพระปกเกล้าเสนอมา ซึ่งหากจำเป็นต้องลงมติก็ต้องทำ และคนที่เสนอให้ลงมติคือนายสุทัศน์ เงินหมื่น กรรมาธิการของพรรคประชาธิปัตย์ โดยยังมั่นใจว่าการทำงานของคณะกรรมาธิการฯ จะประสบความสำเร็จ

“ผมไม่กลัวที่หลายคนเป็นห่วงว่าจะมีความขัดแย้งเพิ่ม เพราะขณะนี้สังคมมีความขัดแย้งอยู่แล้ว หันไปทางซ้ายหรือขวาก็ขัดแย้ง จึงต้องมีข้อยุติเพื่อให้เกิดความปรองดอง หากตกลงกันไม่ได้ต้องสู้กัน ก็ต้องสู้ เมื่อสถาบันพระปกเกล้าเสนอมา 3 ทางเลือก กรรมาธิการต้องมีข้อยุติว่าจะเลือกทางใด ก่อนจะเสนอให้สภาพิจารณา ส่วนสภาจะเห็นชอบหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”