“กมธ.ปรองดองฯ ปชป.” ค้านแบบสอบถามออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับพระปกเกล้า ล้วนเป็นแก๊งแดง ชี้ การลงมติไม่ใช่แนวทางปรองดอง เชื่อ เพื่อช่วยเหลือ “ทักษิณ” ล้วนๆ ซัด ใช้ กมธ.ปรองดอง เป็นบันไดสร้างความชอบธรรมเหมือนการแก้ รธน.
วันนี้ (13 มี.ค.) นายเจะอามิง โตะตาหยง ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ สภาฯ กล่าวถึงกรณีที่ กมธ.ได้มีการทำแบบสอบถามความคิดเห็นของ กมธ.ต่อทางเลือกที่เสนอโดยสถาบันพระปกเกล้า ว่า ข้อเสนอของสถาบันพระปกเกล้า ที่นำมาทำแบบสอบถาม ไปสอบถามผู้ทรงคุณวุฒิที่ส่วนใหญ่เป็นคนเสื้อแดงหลายคน อาทิ นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรฯ นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ตนอยากรู้ว่าทำไมต้องไปถามคนเหล่านั้น ทำไมถึงไม่ไปถามคนที่มีความเป็นกลางมากกว่านี้ ซึ่งเมื่อไปถามความเห็นของคนเหล่านี้ก็ออกมาเป็นแบบสอบถามดังกล่าว นอกจากนี้ ข้อเสนอของสถาบันพระปกเกล้า เหมือนถูกอำนาจแทรกแซงข้อมูลทางวิชาการบางอย่าง เสมือนมีธงในใจอยู่แล้ว
นายเจะอามิง กล่าวต่อว่า ตนและ กมธ.ในฝ่ายของพรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยกับการทำแบบสอบถามดังกล่าว เพื่อส่งกลับไปยัง กมธ.เป็นข้อสรุปต่อไป เพราะการให้ทำแบบสอบถามดังกล่าว ไม่ใช่แนวทางของความปรองดอง เพราะความปรองดอง คือ การหาจุดร่วมกัน ซึ่งการทำแบบสอบถามแบบนี้ถือเป็นการลงมติ ซึ่งทำให้เกิดความขัดแย้ง เกิดการแบ่งฝ่ายระหว่างเสียงข้างมากและเสียงข้างน้อยขึ้นมา นั่นคือ เสียงข้างมากก็ต้องลากไปจึงไม่ใช่แนวทาวของความปรองดอง ดังนั้น คนเป็นประธานต้องดูให้ออก ไม่ใช่เอาเสียงข้างมากลากไปอย่างเดียว เพราะนี่คือ เรื่องความปรองดองที่ต้องหาทางออกร่วมกัน ต้องหาจุดศูนย์กลาง โดยไม่ใช้การลงมติ ให้คนที่มีข้อขัดแย้งได้มีข้อยุติที่สามารถอยู่ร่วมกันได้ ตนจึงรับไม่ได้ และได้มาชี้แจงให้กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ได้รับทราบในจุดยืนของ กมธ.ในส่วนของพรรค
นายเจะอามิง กล่าวต่อว่า ขั้นตอนต่อไปเมื่อ กมธ.ได้มีการทำแบบสอบถามแล้ว ก็คงจะนำไปสู่การออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เพราะในแบบสอบถามล้วนแล้วแต่มีหัวข้อในการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมทั้งสิ้น โดยไม่มีหัวข้ออื่นๆ ให้เลือกเลย การลงมติแบบนี้เราไม่เห็นด้วย เพราะเป็นการแสดงเจตนาความไม่ปรองดองตั้งแต่แรก ทั้งนี้ ทำไมถึงไม่นำข้อเสนอทั้งหมดมาพูดคุยใน กมธ.เพื่อหาทางออกร่วมกัน คนที่เห็นด้วยเพราะอะไร หรือคนที่ไม่เห็นด้วยเพราะอะไร โดยหลักของเรานั้น ต้องไม่ออกกฎหมายเพื่อคนใดคนหนึ่ง กระบวนการนิติรัฐ และกฎหมายต้องศักดิ์สิทธิ์
“เวลาที่มีคนเสนอให้เดินต่อตามกระบวนการกฎหมายปกติ ก็ไม่มีการนำเข้าสู่ กมธ.กลับมามัดมือชกเรา ทำแบบสอบถามแบบนี้เป็นส่วนที่เขาได้ประโยชน์ทั้งหมด ที่จริงคุณทักษิณไม่มีใครห้ามให้กลับ แต่วันนี้ช่องทางของคุณทักษิณ คือ ต้องยอมรับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และเมื่อเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายแล้ว คุณทักษิณสามารถขออภัยโทษได้ด้วยตัวเอง ทำไมต้องมาอาศัยช่องทางนี้ วันนี้ กมธ.ปรองดองจึงเสมือนหนึ่งเป็นขั้นบันไดเพื่อหาความชอบธรรมให้คุณทักษิณ แม้กระทั่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็เป็นช่องทาง เป็นบันไดให้คุณทักษิณเช่นกัน กระบวนการนิติบัญัติคือกระบวนการทั้งหมดที่เขาทำเป็นกระบวนการ ซึ่งมีการทำทุกอย่างที่เขาวางไว้เรียบร้อยแล้ว” นายเจะอามิง กล่าว
นายเจะอามิง กล่าวต่อว่า แม้กระทั่งประเด็นหมู่บ้านเสื้อแดง ทำไมถึงไม่นำมาสู่การพิจารณาของ กมธ.เพราะหมู่บ้านเสื้อแดง วันนี้ต้องไม่มีการเปิดเพิ่มแล้ว แต่ทำไมไม่ใส่ไปในเนื้อหาสาระของ กมธ.เพราะการเปิดหมู่บ้านเสื้อแดงจะทำให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้นอีก หรือประเด็นเรื่องการแทรกแซงองค์กรอิสระก็ไม่มีการนำมาพูดถึง ซึ่งสังคมก็ยังเกิดข้อขัดแย้ง และหากมีการออกฎหมายจริงก็จะไม่ได้ข้อยุติ และความปรองดองก็จะไม่เกิดขึ้น แต่คนที่ได้ประโยชน์มากที่สุดก็คือพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ได้ล้างความผิด ซึ่งการทำแบบสอบถามดังกล่าวไม่ว่าจะเลือกข้อไหนก็เป็นการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งสิ้น
นายเจะอามิง กล่าวอีกว่า ตนสังเกตว่า มีความผิดปกติของการประชุม กมธ.ในวันนี้ (13 มี.ค.) เพราะต้องการจะให้มีการสรุปโดยเร็ว ทั้งที่อนุ กมธ.ที่ไปศึกษาปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ยังไม่ทันได้สรุปผลการศึกษามา ก็จะมารีบสรุป ทั้งนี้ ยืนยันว่า กมธ.ของพรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยกับแบบสอบถามดังกล่าว และสัปดาห์หน้าเราก็จะไปชี้แจงในที่ประชุม เพื่อไปแสดงเหตุผลว่าเหตุใดถึงไม่เห็นด้วยกับการทำแบบสอบถามดังกล่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่า ไม่น่าจะเกิน 2 สัปดาห์ก็จะครบกำหนดเวลาที่ กมธ.จะสรุปความเห็นเพื่อนำเสนอรายงานต่อสภาฯ ก่อนที่จะนำเสนอต่อรัฐบาลต่อไป
