รายงานการเมือง
การประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 มีนาคม ผ่านไปอีกครั้ง ท่ามกลางงุนงงสงสัยว่าเหตุใดโครงการวันแท็บเล็ตเปอร์ชายด์ หรือ 1 แท็บเล็ต 1 นักเรียน ยังไม่มีการอนุมัติเห็นชอบ ตามที่ป่าวประกาศกันครึกโครมก่อนหน้านี้ ทั้งๆ ที่เป็นนโยบายหาเสียง ชูโรงเรื่องการศึกษามาตลอดของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยมาตลอด
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) หนึ่งในเจ้าภาพหลักทำโครงการนี้ได้แถลงข่าวถึงรายชื่อบริษัทผู้ชนะการประมูล คือ บริษัท เซินเจิ้น สโคป ไซแอนทิฟิก ดีเวลอปเมนต์ จำกัด และประกาศว่าจะนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคมแล้ว แต่เรื่องก็อันตรายหายไปจนวันนี้
คนในรัฐบาลอ้างว่ายังมีการพิจารณารายละเอียดเพิ่มเติม จะเพิ่มสเปกใส่ในแท็บเล็ตหลายอย่าง โดยเฉพาะการติดตั้งระบบไว-ไฟ จากเดิมที่คิดไว้เพียงเป็นอี-บุ๊กธรรมดา แต่ก็ยังเป็นปัญหาอยู่ว่าใครจะเป็นผู้ลงทุนระหว่างกระทรวงศึกษาธิการ หรือ กระทรวงไอซีที และจะคิดค่าใช้จ่ายกันอย่างไร และถ้ากระทรวงไอซีทีทำจะซัพพอร์ตหมดไหม นอกจากนี้ยังจะขยายการแจกแท็บเล็ตให้ครอบคลุมมากกว่าเด็ก ป.1 ฉะนั้น จำนวนที่จะแจก 8 แสนเครื่องอาจเพิ่มเป็นกว่าล้านเครื่อง ขณะเดียวกันยังมีบางบริษัทเสนอราคาที่ต่ำกว่าเข้ามาอีก จึงต้องรอพิจารณารายละเอียดกันอีกยกหนึ่งก่อน
รัฐบาลคิดในเชิงว่า “ยังมีเวลา” เพราะกว่าปีการศึกษาใหม่จะเปิดขึ้นก็กลางเดือนพฤษภาคม ยังมีเวลายื้อกันอีกเยอะแยะ ฟังดูแล้วดี ช้าหน่อยแต่ขยายสเปกให้ดีขึ้น กว้างขวางมากขึ้น แต่ไม่รู้ว่ายิ่งทำจะยิ่งยุ่งหรือเปล่า..
แต่สิ่งที่คนเป็นห่วงและตั้งคำถามกันมาก คือ บริษัท เซินเจิ้น สโคป ไซแอนทิฟิก ดีเวลอปเมนต์ จำกัด ของจีน คือใคร เพราะไม่เคยมีประวัติการทำแท็ปเล็ตมาก่อน สินค้าเมดอินไชน่า หลายคนแค่ได้ยินชื่อก็ส่ายหน้าด่า “โหลยโท่ย” แล้วทำกันอีท่าไหนเครื่องแท็บเล็ตถึงถูกแบบไม่น่าเชื่อ เครื่องละ 2,000 กว่าบาท ขณะที่ค่ายอื่นๆ ยอดนิยมในบ้านเรา ไอแพด ซัมซุง ราคาเป็นหลักหมื่นทั้งนั้น
สำคัญคือบริการหลังการขายเป็นอย่างไร ราคาถูกขนาดนี้จะมีการรับประกัน การซ่อมแซมอย่างไร ต้องลากไปซ่อมถึงประเทศจีนหรือไม่ ถ้าพังมาใครจะรับผิดชอบ อย่าลืมว่าบริษัทเซินเจิ้น สโคป ไซแอนทิฟิก ดีเวลอปเมนต์ จำกัด ในประเทศไทยยังไม่มี
ขณะที่การใช้งานก็ยังเป็นคำถามขนาดผู้ใหญ่ฉลาดๆ ยังใช้ไม่ค่อยเป็น นับประสาอะไรกับเด็ก ป.1
พานให้คิดไปว่าราคาขนาดนี้ คุณภาพจะห่วยแตกขนาดไหน สินค้าจีนยิ่งขึ้นชื่อเรื่องความไร้มาตรฐาน บริการหลังการขายไม่มีอะไรรับประกัน ทำไมไม่ส่งเสริมของคนไทยกันเองดีกว่าไหม คนไทยก็ผลิตกันตั้งเยอะแยะ หลากหลายยี่ห้อ และคุณภาพน่าจะดีกว่าของจีนด้วยซ้ำ ที่แน่นอนกว่าคือบริการหลังการขาย ศูนย์บริการย่อมดีกว่าแน่ ทั้งยังสามารถแนะนำวิธีการใช้ได้อย่างใกล้ชิดกว่าเป็นไหนๆ ทำไมต้องไปทำพันธสัญญาอะไรกันแบบ จีทูจี!!
เป็นประเด็นที่น่าสนใจว่า จีทูจี ใช้งบประมาณ 1,900 ล้านบาท ทำกันแบบไหน ตกลงอะไรกัน เราซื้อจีนเฉยๆ หรือเขาต้องการแลกกับอะไร ถึงขายให้ราคาต่ำขนาดนี้
เรื่องลึกๆ ลับๆ สาเหตุที่ดีลกันไว้กับจีนเป็นมั่นเป็นเหมาะ ไม่แปรเปลี่ยนไปไหน เพราะเป็นคำสั่งจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายใหญ่แดนไกล ที่ไปเจรจาตกลงไว้ก่อนหน้าแล้ว เป็นคนออกมาพูดรายละเอียดเองเป็นฉากๆ ตรงเป้าเป๊ะอย่างน่าตกใจว่าแท็ปเล็ตจะทำอย่างไร รู้ดียิ่งกว่าใครในประเทศ
แต่การที่ประเทศไทยจัดซื้อแท็ปเล็ตได้ในราคาถูกขนาดนี้ สันนิษฐานว่าเราต้องเอาโปรเจกต์อะไรสักอย่างไปแลกมากกว่า ไม่ใช่การซื้อแบบได้เปล่าแน่..
ความล่าช้าของโครงการวันแท็ปเล็ตเปอร์ชายด์ที่เกิดขึ้น หนีไม่พ้นเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวพัน โดยมีนายใหญ่ พ.ต.ท.ทักษิณ นายกรัฐมนตรีตัวจริงเป็นผู้จัดการอยู่เบื้องหลัง
ความล่าช้าที่เกิดขึ้นเป็นเพราะยังดีลแลกเปลี่ยนโครงการกันไม่ลงตัว!!
และก็มีเสียงแว่วจากบ้านจันทร์ส่องหล้าว่าไม่เอา บริษัท เซินเจิ้น สโคป ไซแอนทิฟิก ดีเวลอปเมนต์ จำกัด แต่จะเอาอย่างไรต่อนั้นยังมีเวลา ไม่เร่งรีบ กว่าเด็กนักเรียนจะเปิดเทอมก็ยังอีกนาน แต่ดูเหมือนที่จะไม่เปลี่ยนแน่ก็คือต้อง “จีทูจี” กับจีนเท่านั้น
วันนี้จับอาการพบว่าฝ่ายการเมืองในประเทศจะทำงานกันลำบาก น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที ต้องเงียบถอยกรูดกลับไปที่ตั้ง ไม่ออกมาป่าวประกาศเหมือนเคยเหมือนโดนอะไรอุดปากไว้
ขณะที่ สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ก็เล่นบทเอ๋อ ตีมึนไม่รู้เรื่อง เพราะสุดท้ายก็ต้องรอการตัดสินใจจาก พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ดี!!
คณะกรรมการบริหารนโยบายคอมพิวเตอร์พกพาที่ตั้งขึ้นมาก็ทำพอเป็นพิธี เดี๋ยวก็หมดหน้าที่ไป แต่ดีไม่ดีสุดท้ายอาจต้องรับเคราะห์กรรมจากการตัดสินใจเลือกซื้อแท็บเล็ตแล้วเกิดปัญหาตามมา
วันนี้สิ่งที่เคยบอกว่าคัดเลือกบริษัทแท็บเล็ตโดยไม่ยึดราคาต่ำสุด แต่คำนึงถึงเรื่องคุณภาพ ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นจริงดังว่า เพราะสิ่งที่เห็นคือการเอาถูกเข้าไว้ เอาเยอะเข้าว่า จะขยายการแจกแท็บเล็ตไปไกลครอบคลุมมากกว่าเด็ก ป.1
ยังไม่ทันเริ่มทดลองก็เอากันใหญ่แล้ว เกิดผิดพลาดล้มเหลวขึ้นมา คงถูกหัวเราะเยาะกันมั่ง ความคิดที่พยายามบอกว่าจะทำเพื่อประเทศชาติ ทำเพื่อให้เด็กไทยก้าวทันเทคโนโลยี อาจเป็นการผลาญงบประมาณชาติไปอย่างไร้ประโยชน์ เอางบ 2,000 ล้านไปเหวี่ยงทิ้งซื้อของเส็งเคร็ง ไม่มีเครื่องหมายการค้ารับประกัน
การบริหารบ้านเมืองที่ยังถูกครอบงำจากฝ่ายการเมือง มีเรื่องประโยชน์ทับซ้อนมาเป็นใหญ่เหนือประโยชน์ประเทศชาติ การพัฒนาหรือคิดอ่านทำสิ่งใดก็ลำบาก เหมือนติดหล่ม ติดกับดักความเลวทราม ก้าวข้ามไปไม่พ้น
คิดแล้วก็สงสารเด็กนักเรียนที่เฝ้ารอความหวังด้วยใจจดจ่อ สุดท้ายอาจได้เพียงของไร้คุณภาพ ใช้งานได้ไม่ดี คุณภาพเน่าเฟะ กลายเป็นเศษเหล็กจากต่างแดน เด็กไทยไม่ได้อะไรมาประเทืองปัญญา เพิ่มรอยหยักในสมอง..
ผู้ใหญ่ทำลายความฝันของเด็กๆ แท้ๆ