เกาะกระแส
โดย...ก้อนกรวด
00 เวลานี้ถ้าถามว่าคนที่ใช้ไม่ได้ และอาจเรียกได้ว่า “ทุเรศ” ที่สุด เห็นจะไม่มีใครเกิน พล.อ.สนธิ บุญยรัตนกลิน อดีตประธานคมช.ที่กำลังผันตัวเองมาเป็น ส.ส.กำลังสนุกอยู่กับการทำหน้าเป็นประธาน กมธ.วิสามัญปรองดองฯ ทำหน้าที่ “จูบปาก-จูบเท้า” ทักษิณ ชินวัตร อยู่ทุกเช้าเย็น ลืมอดีตในฐานะหัวหน้าผู้ก่อการรัฐประหาร ตั้ง 5 ข้อหาร้ายแรงเมื่อ 5-6 ปีก่อน ทั้งเรื่องทุจริต ทำลายองค์อิสระ ล้มเจ้าล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ ล้วนแต่เป็นข้อหาฉกรรจ์ ถ้าเป็นสมัยก่อนต้องนำไป “กุดหัวเจ็ดชั่วโคตร” มาวันนี้กลับลืมไปง่ายๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมยังเห็นด้วยกับการยกเลิกคดีที่ คตส.ที่ตรวจสอบ ทุกอย่างให้ “จบๆไป”
00 เป็นเพราะบ้านเมืองไทยเป็นแบบนี้ มีคนแบบนี้ และมีอดีตนายทหารในกองทัพเป็นแบบนี้แหละที่ทำให้ทุกอย่างมัน “ห่วยแตก” วุ่นวายอย่างที่เห็น กลายเป็นว่าเหตุผลที่ พล.อ.สนธิ เคย “ลับลวงพราง” อะไรนั่นก็มีจากเหตุผลเดียวก็คือ กลัวตัวเอง “ถูกปลด” พ้นจากตำแหน่ง ผบ.ทบ.ในขณะนั้น จึงฉวยโอกาสลงมือในช่วงสถานการณ์ “สุกงอม” ช่วงที่พลังมวลชนกำลังรุกไล่ ทักษิณ หลังจากเริ่มเห็นพฤติกรรมชั่วมากขึ้นทุกวัน สรุปก็คือทำทุกอย่าง “เพื่อตัวเอง” โลเล ไร้ศักดิ์ศรี และที่สำคัญคนแบบนี้ “คบไม่ได้” เพราะแม้แต่ รธน.ฉบับปัจจุบันที่เคยเป็นต้นเหตุผลักดัน ในวันลงมติร่างแก้ไขวาระแรก เขาก็ยัง “หลบหน้า” ไม่กล้ามาออกเสียงปกป้องยืนยันสนับสนุนหรือคัดค้าน ทุด !!
00 อย่าได้แปลกใจที่ได้บำเหน็จเป็น รมต. เพราะการพูด “เลียลิ้น” แบบ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เจ้าของวลี “เผาไปเลยพี่น้องผมรับผิดชอบเอง” และล่าสุดก็บอกว่า การปรองดองจะก้าวข้ามทักษิณ ชินวัตร ไปไม่ได้ เพราะเป็นคนที่ถูกกระทำ และถูกรัฐประหารเล่นงาน ตั้ง คตส.มายัดเยียดความผิด ฟังเผินๆก็อาจจะเห็นคล้อยตามบ้าง แต่ถ้าติดตามและรู้ทันก็ต้องบอกว่า สำหรับคนอื่นอาจจะปรองดองด้วยได้ แต่กับ ทักษิณ “เหลี่ยมจัด” นี่ไม่ได้เด็ดขาด เพราะไอ้นี่แหละที่เป็นตัวสร้างความ “ฉิบหาย” ให้กับบ้านเมือง และแม้ว่าจะมอง คตส.อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ได้แค่ตรวจสอบและสรุปสำนวนส่งฟ้อง ทำหน้าที่ไม่ต่างจากอัยการ แต่คนที่ตัดสินความผิดคือ ศาล เท่านั้น และที่ผ่านมาก็มีหลายคดีที่ศาลไม่รับฟ้อง หรือว่ายกฟ้อง ถ้าถามว่า ทักษิณ ไม่ได้รับความเป็นธรรมแล้วยังมีใครในประเทศนี้ที่ได้บ้าง การปรองดองนั้นทำไม่ยาก ก็ปล่อยทุกอย่างไปตามกระบวนการ อย่าไปยุ่งไปแทรกแซง หรือบิดเบือน ให้ศาลตัดสิน แม้ไม่พอใจแต่ก็ต้องยอมรับ แล้วก็จบ บ้านเมืองก็เดินหน้า
00 ทำท่าวุ่น ไม่ลงตัวทำให้โครงการแจกแท็บเล็ตกับเด็กนักเรียนต้องล่าช้าออกไป ล่าสุด น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.ไอซีที ยังไม่กล้ารับปากว่าจะนำเข้าครม.ได้เมื่อใด เพียงแค่บอกคร่าวๆว่าถ้าเกินวันที่ 27 มี.ค.ก็ถือว่าล่าช้าแล้ว แต่วงในรายงานว่าสาเหตุก็ไม่มีอะไรซับซ้อน เพราะคนมีอำนาจเคาะกับคนพิจารณามันคนละคนกัน โดยเฉพาะคน “หน้าเหลี่ยมๆ” จะเอาอีกบริษัทหนึ่งเพราะไปตกลงเรื่อง “หัวคิว”กันล่วงหน้าแล้ว แต่ฝ่าย “เจ๊” ที่อยู่ข้างหลัง รมต.อยากจะได้อีกบริษัทหนึ่ง มันก็ถึงได้ปวดหัว แต่อย่าไป ถาม นายกฯปูนะ เพราะคำตอบที่ได้คือ “ได้สั่งการให้พิจารณาให้รอบคอบ” หรือ เป็นเรื่องรัฐมนตรีที่รับผิดชอบกำลังดูแลอยู่ ค้า ไปละ !!