xs
xsm
sm
md
lg

ทนาย พธม.ยินดีช่วย “กวีไกร” พร้อมแนะวิธีรับเงินเยียวยาไม่ให้ถูกตัดสิทธิทางศาล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นิติธร ล้ำเหลือ
“นิติธร” เผยยินดีช่วย “กวีไกร” ญาติติดต่อได้ที่สภาทนายความ หรือทางพันธมิตรฯ ชี้ทำผิดแล้วยอมรับผิดเป็นสิ่งต้องชื่นชม แนะคนที่รับเงินเยียวยา ขีดเงื่อนไขท้ายใบรับรองทิ้ง พร้อมเซ็นชื่อกำกับ เนื่องจากอาจถูกตัดสิทธิทางศาล ซึ่งรัฐบาลใส่เข้ามาเพราะกลัวความจริงถูกเปิดเผย ด้าน “พิภพ” ยันแกนนำไม่มีวันทิ้งพี่น้องแน่ แต่ก็ไม่สนับสนุนความรุนแรง พร้อมแก้ปัญหาไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก


วันที่ 12 มี.ค. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และนายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ร่วมในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV ดำเนินรายการโดยนางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ

ผู้ดำเนินรายการกล่าวเปิดประเด็นว่า คดีของนายกวีไกร โชคพัฒนเกษมสุข กรณีทุบรถข่าวของวอยซ์ทีวี ศาลเห็นว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง​จริง จึงตัดสินจำคุก 2 เดือน ปรับ 2,000 บาท จำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จึงให้รอลงอาญาไว้ มีกำหนด 1 ปี และให้รายงานตัวต่อพนักงานคุมปร​ะพฤติทุก 3 เดือน ส่วนอีกคดีที่นายกวีไกรจิกหัวผู้หญิงเสื้อแดง ทนายโจทก์ให้อายัดตัวจำเลยไว้ ซึ่งศาลพิพากษาให้จำคุก 1 เดือน โดยไม่รอลงอาญา และเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทน 15 วัน

อีกทั้งได้มีข้อความเผยแพร่ทางเฟซบุ๊กถึงบทสนทนาระหว่างผู้ไปเยี่ยมที่ชื่อ นายพินิจ กับนายกวีไกร โดยระบุว่านายกวีไกรยอมรับผิดทุกอย่าง พร้อมรับโทษหากต้องจำคุก

นายนิติธรกล่าวว่า การกระทำของนายกวีไกร ตนว่าเพราะมันมีผลต่อความรู้สึกของเขามาก สังคมต้องไปดูว่าเพราะอะไรถึงพุ่งไปที่สื่อมวลชน ต้องดูว่าสื่ออันนี้นำเสนอข่าวอย่างไร และมีผลต่อการเกิดขึ้นของสังคมอย่างไร

การยอมรับผิด นี่ไม่ได้ยอมรับผิดเฉพาะตัวเอง แต่ยอมรับผิดต่อสังคมของประเทศนี้ รับผิดต่อการส่งเสริมความมีอยู่ของกระบวนการยุติธรรมของประเทศนี้ ในส่วนนี้ต้องชื่นชม ต้องยกย่อง เพราะถ้าทุกคนยอมรับกระบวนการยุติธรรมที่มีอยู่ สังคมไม่เกิดปัญหา นี่คือความงดงาม ไม่เฉพาะส่วนตัว แต่เกิดประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม

ส่วนเรื่องของกระบวนการยุติธรรม เมื่อเข้าไปต่อสู้แล้ว บางเรื่องจำเป็นต้องอธิบายข้อเท็จจริงให้ศาลทราบ เป็นโอกาสได้เข้าไปตรวจสอบสื่อ ศาลและสังคมก็จะได้รู้ว่าข้ออัดอั้นตันใจคืออะไร

นายนิติธรกล่าวอีกว่า เรื่องคดีความ ตนไม่รู้จักกับนายกวีไกรเป็นการส่วนตัว แต่ถ้าญาติพี่น้องยินดี ตนพร้อมให้คำปรึกษาทางกฎหมาย และช่วยเรื่องคดี โดยสามารถติดต่อมาได้ที่สภาทนายความ ในส่วนของกรรมการสิทธิมนุษยชน หรือติดต่อมาทางพันธมิตรฯ ก็ได้ ยินดีช่วยและจะสื่อสารให้ศาลกับสังคมทราบด้วย ว่าที่ทำไปเพราะอะไร ถ้าอธิบายมีโอกาสเปลี่ยนแปลงผลของบทลงโทษได้ และที่ตัดสินใจเข้าช่วยเหลือเพราะเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อสังคม เพราะทำผิดแล้วยอมรับผิด

นายพิภพกล่าวเสริมว่า ไม่ว่านายกวีไกรจะทำไปด้วยอารมณ์อะไร แต่ถือว่าเมื่อทำผิดไปแล้วยอมรับผิด ยอมรับโทษที่กฎหมายกำหนด เป็นตัวอย่างที่จะนำไปสู่ความปรองดองได้ แต่ยังยืนยันพันธมิตรฯไม่ได้สนับสนุนใช้ความรุนแรง และพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก กรณีนี้หากพันธมิตรฯขยับตัวไม่ดีก็หาว่าเราสนับสนุนใช้ความรุนแรง แต่ยืนยันแกนนำไม่มีทางทิ้งพี่น้องแน่นอน

ส่วนกรณีรับเงินเยียวยาผู้ชุมนุมทางการเมือง นายนิติธรกล่าวว่า เป็นสิทธิของประชาชนที่จะไปรับ แต่รัฐบาลเองทำให้สับสน แล้วจะเป็นปัญหาในอนาคต เพราะเป็นการสร้างแรงจูงใจทางการเมือง เพื่อตอบสนองประโยชน์ต่อทิศทางการเมืองของกลุ่มใดหรือไม่ จะไม่ช่วยให้เกิดความปรองดอง เพราะตัวเลขเงินสูงมาก เกิดปัญหาแน่นอน เพราะหากคนที่จะได้เงินโดนคัดค้าน ก็จะไปก่อความวุ่นวายเพื่อให้ได้เงินมา

นายนิติธรกล่าวอีกว่า ที่กังวลอีกอย่าง เพราะจากตัวอย่างแบบรับเงินเยียวยา มีประโยคในตอนท้ายว่า “และจะไม่ใช้สิทธิเรียกร้องขอรับเงินช่วยเหลือหรือเงินชดเชยอื่นๆ ที่เกิดจากมูลเหตุเดียวกันนี้จากภาครัฐอีก” หมายความว่า ถ้ารับเงินนี้แล้ว คุณถูกตัดสิทธิทั้งหมด อันนี้มีนัยซ่อนอยู่ว่าสามารถไปใช้สิทธิทางศาลได้หรือเปล่า สมมติรับเงินแล้วไม่พอใจ เพราะอาจได้มากกว่านี้

ที่กังวลการใช้สิทธิทางศาลของประชาชน เพราะสิทธิทางศาลต้องเปิดเผยความจริง นี่ก็เป็นกระบวนการหนึ่งในการปกปิดความจริ งโดยแบบรับรองอันนี้ มันก็จะไปขัดแย้งกับคณะกรรมการเสาะหาความจริง เพราะคนได้เงินไปแล้ว ใครอยากจะพูดความจริง

คนที่ขอรับเงินเยียวยาทุกฝ่าย ควรค้านข้อความนี้ ด้วยวิธีการขีดทอ่นที่ว่า “และจะไม่ใช้สิทธิเรียกร้องขอรับเงินช่วยเหลือหรือเงินชดเชยอื่นๆ ที่เกิดจากมูลเหตุเดียวกันนี้จากภาครัฐอีก” ออก พร้อมกับเซ็นชื่อกำกับทั้งสองบรรทัด

ส่วนเรื่องการฟ้องรัฐบาลนำเงินภาษีประชาชนไปใช้ในทางไม่ถูกต้อง ตนกำลังรวบรวมข้อมูล และไม่ใช่แค่เรื่องนี้เรื่องเดียว ยังมีอีกหลายเรื่อง รวมถึงการทุจริตด้วย ให้พี่น้องเตรียมเอกสารในการร่วมฟ้องร้อง รอไว้ได้เลย

นายพิภพกล่าวด้วยว่า คงไม่บังคับเรื่องการรับเงินเยียวยา เพราะเป็นสิทธิของพี่น้อง และนั่นก็เป็นภาษีของเรา พี่น้องพันธมิตรฯ ที่ต้องการขอหลักฐานเพื่อรับเงินเยียวยา สามารถติดต่อมาที่เอเอสทีวีได้
 
/////////////////////////////////////

บทสนทนาบางส่วน ระหว่างนายกวีไกร และผู้ไปเยี่ยม ที่ใช้ชื่อว่านายพินิจ เผยแพร่ในวันที่ 11 มีนาคม

พินิจ : เป็นอย่างไรบ้าง มีใครมาเยี่ยม ญาติ พ่อแม่รู้หรือยัง

กวีไกร : ไม่มี มีแต่แฟนที่ฝากเพื่อนเขาเอาข้าวมาให้เมื่อกลางวัน

พินิจ : แล้วญาติกับพ่อแม่ล่ะ

กวีไกร : ไม่อยากให้รู้ พ่อแม่ รวมถึงแฟนก็ไม่มีเงิน ลำบาก

กวีไกร : เคยคุยกับแฟนแล้วว่า ถ้าไปทำอะไรด้วยอารมณ์แบบนี้อีก ไม่ต้องห่วง

พินิจ : จะให้ติดต่อใครให้ไหม

กวีไกร : ไม่เป็นไร

กวีไกร : แล้วเพื่อนๆ หน้าเพจที่ผมทำเขารู้หรือเปล่า

พินิจ : ไม่นะ เห็นด่าแดงกันเป็นปกติ จะให้แจ้งให้ไหม

กวีไกร : เออ เอาไปทำต่อเลยไหม

พินิจ : ไม่เป็นไร

กวีไกร : แล้วมติเป็นยังไง ว่ายังไง

พินิจ : อะไรนะ

กวีไกร : ที่ พธม.ประชุมเมื่อวาน สรุปว่าผลมติว่าอย่างไร

พินิจ : ตั้งแต่โดนจับได้รู้เรื่องอะไรบ้าง

กวีไกร : ไม่มีเลย ไม่รู้อะไรเลย สรุปว่าอย่างไร

พินิจ : ก็ “ยังไม่มีการชุมนุม รอเหตุการณ์สุกงอม”

กวีไกร : อ๋อ ก็ดีนะ ถ้าเราออกมาตอนนี้ …… (ขอข้าม ผมจำไม่ได้ กวีไกร ให้เหตุผลสนับสนุนมติ ในหลายๆ แง่มุม)

พินิจ : เออ แล้วที่ทำนี่ เพราะโมโหหรือตั้งใจไป

กวีไกร : ไม่ เราก็ว่าจะไปปกติ แต่เห็นพอเห็นรถ VoiceTV แล้วมันโมโห

พินิจ : ยังไง หมั่นไส้ เจอนักข่าวหรือ

กวีไกร : เปล่า นักข่าวอยู่คันอื่น มันก็เหมือนรถ ASTV ไปจอดข้างๆ การชุมนุมเสื้อแดง พวกเสื้อแดงจะรู้สึกยังไง ก็เหมือนกันนั่นแหละ

กวีไกร : แต่เราเป็นแบบนี้ ก็ทนไม่ได้ เลยไปหาเหล็กมาทุบ

พินิจ : แล้วทำไม โดนบังมัดจับ

กวีไกร : ใคร เราไม่รู้จัก ก็พอเราทุบเสร็จ เราก็ขึ้นรถหนี แต่มีคนถีบ พอล้ม ก็มีคนมารุมกระทืบ เราก็บอกว่าพวกเดียวกัน เราเป็นพันธมิตรฯ เราชื่อกวีไกร ก็ไม่มีใครฟัง ก็รุมกระทืบเราต่อ คงเป็นพวกการ์ดนั่นแหละ แต่รู้สึกว่า มีผู้หญิงหรือใครคนนึงตะโกนบอกว่า นี่กวีไกร พวกเรา แต่ไม่มีใครหยุด ก็ยังรุมกระทืบเราอยู่ดี

พินิจ : โห แล้วรอดได้ไง

กวีไกร : ก็นี่ไง มีเลือดบนเสื้อนิดหน่อย โชคดีตำรวจเข้ามาช่วย

พินิจ : ตกลง ไม่ได้จับส่งตำรวจ ตำรวจเข้ามาช่วยหรือ

กวีไกร : เราไม่โกรธหรอกนะ พวกเขาคงไม่รู้ไง ขนาดพวกเราตรงนั้น ยังไม่รู้จักเลยว่า Voice TV เป็นของทักษิณ ไม่เหมือนพวกเราที่เล่นเน็ต ส่วนใหญ่รู้ ... เออ แล้วข่าวเป็นไงบ้าง

พินิจ : ข่าวอะไร ข่าวยังไง

กวีไกร : มีใครเอาเรื่องที่เราทำ ไปเขียนข่าวเชื่อมกับพันธมิตรฯ ไหม เราไม่อยากให้เป็นแบบนั้น เราแถลงข่าวไปแล้วว่าเราทำเอง ด้วยอารมณ์ตัวเอง

พินิจ : ก็มีบ้าง แล้วส่วนใหญ่เขาก็เอาเรื่องที่จิกผมเสื้อแดงมาเขียนด้วย

กวีไกร : เราแถลงข่าวไปแล้วว่า เราทำเอง ทำคนเดียว แถลงข้างๆ ตำรวจ

พินิจ : แล้วไงต่อเนี่ย เรื่องประกันตัว เรื่องทนาย

กวีไกร : พรุ่งนี้ก็ขึ้นศาลแล้ว ไม่ต้องประกันตัวหรอก เราไม่มีเงิน

พินิจ : ขึ้นศาลแล้วทนายมีหรือยัง หรือขอทนาย

กวีไกร : ทนายไม่ต้องใช้หรอก เรารับสารภาพ มันเป็นสื่งที่เราทำ รับสารภาพไปแล้ว

พินิจ : แล้วขึ้นศาลทำไมอีก

กวีไกร : ก็รอศาลตัดสินลงโทษ ถ้าปรับเราก็ไม่มีเงิน ก็ติดคุกแทนค่าปรับ คงไม่กี่เดือน

พินิจ : แล้วถ้ามีโทษจำละ จะรอลงอาญาหรือเปล่า

กวีไกร : ไม่รู้สิ เราไม่เคยโดนคดีแบบนี้นิ ถ้ามีก็ต้องติด ถ้ารอลงอาญาก็ได้กลับบ้านหลังจากติดแทนค่าปรับ

ตำรวจก็เข้ามา……และพูดว่า ยังกลับบ้านไม่ได้ อีก สน.เขามาทำเรื่องอายัดตัวแล้ว ถ้าจบคดีนี้ ก็ไปนอนต่ออีก สน. คดีจิกผมเสื้อแดง ... กวีไกรกับผมก็มองหน้ากัน แล้วตำรวจก็จากไป

กวีไกร : เราไม่รู้ เราเช็กแล้วกับอีกสอง สน.ไม่เห็นมีคดี

กวีไกร : ไม่เป็นไร ก็ติดนานหน่อย ออกมา เหตุการณ์จะได้สุกงอมพอดี

ที่มา :http://evidian.tumblr.com/post/19137745814
พิภพ ธงไชย

ขีดทิ้งพร้อมเซ็นชื่อกำกับทั้งสองบรรทัด
กำลังโหลดความคิดเห็น