“เทพไท” ปัด ปชป.เกี่ยวข้องทีวี “บลูสกาย” ยันไม่คิดตั้งสื่อเป็นกระบอกเสียง พร้อมท้าเพื่อไทยโชว์หลักฐาน อย่าเอาแต่จินตนาการ แนะย้อนดูตัวเองใช้สื่อแดงเดินเกมการเมือง ขัด รธน.ชัดเจน เย้ยดีแต่ยื่นเรื่องให้รกศาล ไม่เคยได้ผลสักคดี
วันที่ 13 พ.ย.นายเทพไท เสนพงศ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเงา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย เตรียมยื่นถอดถอน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี ที่ไปออกรายการของสถานีบลูสกาย แชนแนล ซึ่งอาจเข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 48 ที่ห้ามผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเจ้าของกิจการ หรือถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์หรือโทรคมนาคม ไม่ว่าจะทำในนามตนเอง หรือให้ผู้อื่นเป็นเจ้าของกิจการ หรือถือหุ้นแทนก็ตาม ว่า สถานีโทรทัศน์บลูสกายไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์ เป็นเรื่องของกลุ่มบุคคลที่ต้องการทำสื่ออิสระเพื่อเสนอข้อเท็จจริงกับสังคม การที่มีบุคคลในพรรคประชาธิปัตย์ไปออกรายการก็เป็นเรื่องธรรมดาของนักการเมืองที่สามารถออกสื่อแขนงต่างๆ ได้ตามคำเชิญของสื่อเหล่านั้น และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ทุกคน ก็พร้อมที่จะออกสื่อในสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ โดยไม่เคยเลือกปฏิบัติ
นายเทพไท กล่าวว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยจะกล่าวหาว่าสถานีบลูสกายเกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์จริง ก็ควรจะมีหลักฐานที่ชัดเจนออกมายืนยัน ไม่ใช่ใช้เพียงจินตนาการและการคาดคะเนตามที่ตนเองต้องการ หากจะเอาประเด็นการที่สมาชิกพรรคไปออกรายการทีวีแล้วคิดว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมายก็ต้องกลับไปดูคนในพรรคเพื่อไทยที่ไปประกาศตัวในทีวีเอเชียอัปเดต ซึ่งเป็นทีวีของคนเสื้อแดงและเป็นคนกลุ่มเดียวกับพรรคเพื่อไทย รวมไปถึงในการรณรงค์หาเสียงของพรรคเพื่อไทย ก็ยังใช้สื่อเอเชียอัปเดตเป็นกระบอกเสียง ซึ่งเข้าข่ายการกระทำผิดบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมากกว่ากรณีสถานีบลูสกายเสียอีก
“ขอยืนยันว่า เราไม่เคยมีความคิดที่จะสร้างสื่อเป็นของตัวเอง เพราะพรรคได้ตระหนักถึงสิทธิเสรีภาพของสื่อสารมวลชนที่มีอย่างอิสระ แม้กระทั่งในยุคที่พรรคเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ก็ไม่เคยใช้วิธีการเหมือนในยุคของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่เข้าไปควบคุมสื่อของรัฐ และไปแทรกแซงสื่อของเอกชนโดยการเข้าไปซื้อหุ้นเพื่อควบคุมกิจการสื่อ หรือแม้แต่กระทั่งการใช้กลไกของรัฐ เช่น กรมสรรพากร ปปง.เข้าไปตรวจสอบสื่อมวลชนที่ไม่สนับสนุนหรือเชียร์รัฐบาลของตัวเอง”
นายเทพไท กล่าวว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยต้องการจะยื่นเรื่องถอดถอนก็เป็นสิทธิ์สามารถจะทำได้ แต่ควรตระหนักถึงข้อเท้จจริงและเหตุผลมากกว่าต้องการสร้างเพื่อเป็นประเด็นการเมือง หรือเพื่อจะแย่งพื้นที่สื่อ เพราะที่ผ่านมาการยื่นถอดถอนของพรรคเพื่อไทยไม่เคยมีผลทางการปฏิบัติแม้แต่เรื่องเดียว ล้วนแต่เป็นเรื่องที่ทำให้รกโรงรกศาล และเป็นการยื่นเรื่องไร้สาระให้กับองค์กรอิสระมากกว่า อยากจะให้พรรคเพื่อไทยเลิกคิดถึงประเด็นการเมือง ควรใช้เวลาที่มีอยู่ไประดมความคิดช่วยรัฐบาลแก้ไขปัญหาน้ำท่วมจะดีกว่า
