ทีวีประชาธิปัตย์

ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -หลังจากต้องมาทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน ก็มีกระแสข่าวมาเป็นระยะว่า พรรคประชาธิปัตย์ จะตั้งสถานีโทรทัศน์ ผ่านดาวเทียม เพื่อเป็นช่องทางในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร และการต่อสู้ทางการเมือง โดยขอเวลาศึกษาข้อกฎหมายให้ชัดเจนเสียก่อน

ในที่สุดก็ถึงเวลาเปิดตัว" ทีวีประชาธิปัตย์" ในนาม "บลูสกายชาแนล (Blue Sky Channel)" หรือ ทีวีช่องสีฟ้า ซึ่งเป็นสีประจำพรรคประชาธิปัตย์ โดยทดลองแพร่ภาพออกอากาศเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา ในระบบ KU เพียงแต่ผู้ก่อตั้งไม่ได้เป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์โดยตรง เพื่อเลี่ยงข้อกฎหมาย ที่จะขัดรัฐธรรมนูญมาตรา มาตรา 48 ที่ระบุว่า

" ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะเป็นเจ้าของกิจการ หรือถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ หรือโทรคมนาคมมิได้ ไม่ว่าในนามตนเองหรือให้ผู้อื่นเป็นเจ้าของกิจการหรือถือหุ้นแทน หรือจะดำเนินการโดยวิธีการอื่นไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมที่สามารถบริหารกิจการดังกล่าวได้ในทำนองเดียวกับการเป็นเจ้าของกิจการ หรือถือหุ้นในกิจการดังกล่าว"

โดยผู้ก่อตั้งคือนายเถกิง สมทรัพย์ ซึ่งเป็นอดีตนายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย อดีตผู้บริหารสถานีวิทยุกรมประชาสัมพันธ์ เอฟเอ็ม 105 เมกะเฮิรตซ์ อดีตรองผู้อำนวยการไทยพีบีเอส และอดีตผู้บริหารบริษัท ว็อชด็อก จำกัด ซึ่งเจ้าของว็อชด็อก ก็คือ นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีต ส.ว.ผู้ใกล้ชิดกับพรรคประชาธิปัตย์นั่นเอง

ในสมัยที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี บริษัท ว็อชด็อก และนายเจิมศักดิ์ มีโอกาสได้เข้าไปทำรายการหลายรายการในช่องเอ็นบีที ที่เน้นเนื้อหาโจมตีระบอบทักษิณ เช่น รายการคลายปม ลงเอยอย่างไร เป็นต้น

แต่นายเถกิง ก็ออกมาปฏิเสธแข็งขันว่า"ทีวีสีฟ้า" ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด เมื่อวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา บลูสกายแชแนล ได้เปิดตัวรายการใหม่ของช่องในชื่อ"ฟ้าวันใหม่กับอภิสิทธิ์" ซึ่งมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มาจัดรายการทุกวัน ระหว่างวันจันทร์ถึงวันศุกร์ หลังเคารพธงชาติ 8 นาฬิกา เป็นเวลาครึ่งชั่วโมง โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 14 พ.ย.เป็นต้นไป

แน่นอนว่า เรื่องนี้ฝ่ายรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย คงไม่ปล่อยให้ "ทีวีสีฟ้า" แพร่ภาพออกอากาศได้อย่างสะดวกราบรื่นแน่

เพราะมีหลักฐานชั้นดีคือรายการ "ฟ้าวันใหม่กับอภิสิทธิ์" นี่แหละ

เชื่อว่าเร็วๆนี้ จะได้เห็นเรื่องร้องเรียนว่าพรรคประชาธิปัตย์ ทำการเข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 48 แน่ และหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าผิดจริง โทษอาจถึงขั้นยุบพรรค

เพราะรัฐธรรมนูญ มาตรา 48 ช่วงท้ายระบุข้อห้ามชัดว่า ไม่ว่าจะทำในนามตนเองหรือ ให้ผู้อื่นเป็นเจ้าของกิจการ หรือถือหุ้นแทนก็ตาม