“มัลลิกา” แจ้งความ ตร.ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หลังคนร้ายสร้างเฟซบุ๊ก-ทวิตเตอร์อ้างชื่อ โพสต์ข้อความหมิ่นเบื้องสูง เชื่อเป็นฝีมือแก๊งจาบจ้วงทางเน็ต เผยโดนก่อกวนหนัก หลังเปิดโปงคนทำเว็บหมิ่นอยู่ใกล้ตัว“อนุดิษฐ์” พร้อมยื่นหนังสือขอพบ“ยิ่งลักษณ์”จี้ประกาศนโยบายปราบแก๊งหมิ่นให้ชัดเจน
เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (1 ธ.ค.) ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ศูนย์ราชการกรุงเทพมหานคร ถนนแจ้งวัฒนะ น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานชมรมนักรบไซเบอร์ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ รอง ผบก.ปอท. เพื่อแจ้งความให้ดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลที่ปลอมแปลงบัญชีเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ของตนทางอินเตอร์เน็ต พร้อมทั้งมีการโพสต์ข้อความหมิ่นเบื้องสูง โดยนำหลักฐานเป็นแผ่นซีดีและเอกสารต่างๆ นำมามอบให้ไว้เป็นหลักฐาน
น.ส.มัลลิกากล่าวว่า เมื่อประมาณ 2-3 วันที่ผ่านมาตนพบว่ามีกลุ่มบุคคลได้ทำการปลอมแปลงบัญชีเฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ของตนขึ้นมา โดยใช้ชื่อว่า มัลลิกา และมีการโพสต์รูปของตนขึ้นหน้าจอ ซึ่งจากการตรวจสอบเนื้อหาภายในบัญชีทั้ง 2 ปรากฏว่า มีการโพสต์ข้อความหมิ่นเบื้องสูงหลายครั้ง และมีการโพสต์ข้อความเพื่อปลุกระดมประชาชน รวมทั้งเบี่ยงเบนประเด็นในการตรวจสอบสื่อในการหมิ่นเบื้องสูง ซึ่งในปัจจุบันบัญชีทั้งสอง ยังคงมีการเปิดใช้อยู่ การกระทำดังกล่าวทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์บัญชีทั้ง สองนั้นเป็นของตน จึงมีประชาชนติดตามเป็นจำนวนมาก ทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียงและเป็นการหมิ่นประมาท บางส่วนกระทำการเลี่ยงกฎหมายแต่ใช้รูปตัวจริงมัลลิกาล้อกับบัญชีจริงแล้วทำการคัดลอกข้อความไปวางในกระดานของบัญชีที่ลอกเลียนก่อนจะสนทนาแลกเปลี่ยนขยายผลต่อไปยังกลุ่มคนที่รู้จักและไม่รู้จัก จึงได้เข้าแจ้งความเพื่อไม่ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายไม่ให้ใครทำเป็นเยี่ยงอย่าง
ด้าน พ.ต.อ.พิสิษฐ์กล่าวว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะทำการสอบปากคำเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานในการจับกุมผู้กระทำผิด สำหรับการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 ว่าด้วย การนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ทำให้ผู้อื่นได้รับความเสื่อมเสีย ซึ่งเชื่อว่าน่าจะทำเป็นขบวนการ เพราะกรณีดังกล่าวได้มีผู้เข้าแจ้งความดำเนินคดีไว้ประมาณ 3 ราย พร้อมทั้งรับเรื่องเพื่อดำเนินการสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดต่อไป
นาวสาวมัลลิกากล่าวว่า นับตั้งแต่ได้ออกมาแถลงข่าวเปิดโปง น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที มีพฤติกรรมน่าสงสัยเพราะมีคนที่เคยโพสต์หมิ่นเบื้องสูง ทำผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งเจ้าพนักงานควบคุมตัวบันทึกปากคำสารภาพผิดไว้แล้วก่อนหน้านี้ มาเป็นวอลเปเปอร์รัฐมนตรีไอซีที แถมตั้งเป็นคณะทำงานด้วย ซึ่งรัฐมนตรีแถลงข่าวยอมรับเองเมื่อวันที้ 27พ.ย.54 ที่ผ่านมาว่า ได้ตั้งเป็นคณะทำงาน แต่อ้างว่าแค่ช่วงแรก ซึ่งถือเป็นข้อพิรุธและส่งสัญญาณให้กลุ่มผู้กระทำผิดเหิมเกริม จาบจ้วง เพิ่มการกระทำความผิดเพราะคิดว่าจะไม่มีใครจับหรือขจัด ดังนั้นเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาจึงได้ตั้งเครือข่ายไซเบอร์เป็นชมรมนักรบไซเบอร์ เพื่อประสานให้ความรู้รวมทั้งเป็นการเฝ้าระวังและหาเบาะแสผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ที่ครอบคลุมความผิด 4 ประการ คือ หมิ่นสถาบัน ความมั่นคง การพนัน ยาเสพติด สิ่งลามกอนาจาร
พร้อมกันนี้ได้ตั้งเพจในเฟซบุ๊กชื่อ FightBadWeb และเปิดอีเมลรับเนื่องร้องเรียนลิงค์ที่ผิดกฎหมายที่ FightBadWeb@gmail.com โดยพรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนให้ทำงานร่วมกับภาคประชาชน จนได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายมากมาย ต่อมาได้ปรากฎผู้ไม่หวังดีรวมทั้งกลุ่มคนที่ต่อต้านการขจัดเว็บผิดกฎหมายต่อต้านการจับกุมผู้ทำผิด ปลุกระดมสร้างความเกลียดชัง ขัดขวาง บิดเบือนข้อเท็จจริง ตัดต่อเปลี่ยนแปลงสร้างความเข้าใจผิด พร้อมส่งเสริมให้เกิดการทำผิดกฎหมายโดยแอบอ้างความเป็นบุคคลสาธารณของนางสาวมัลลิกา และสร้างปัญหาให้วุ่นวายโดยมีการเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวทั้งโทรศัพท์ และล่าสุดคือในเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ที่จงใจกลั่นแกล้งทั้งปลอมแปลงลอกเลียนแบบแล้วเข้าไปก่อกวนผู้อื่นให้เกิดการรำคาญ
นอกจากนี้ นางสาวมัลลิกายังได้ขอความร่วมมือ บก.ปอท. ที่กำลังจะเดินทางไปร่วมประชุมเจ้าหน้าที่สากลด้านการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทั่วโลก ที่ประเทศญี่ปุ่นในสัปดาห์หน้า เพื่อประสานรายงานประกอบกับขอความร่วมมือทั้งภาคเจ้าหน้าที่และเอกชนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะประเทศที่ตั้งของเว็บไซต์ที่กำลังเป็นช่องทางให้กลุ่มผู้เผยแพร่กำลังเหิมเกริมกันอยู่ขณะนี้ ซึ่งได้ส่งเพจหมิ่น URL ที่ทำผิดทั้งหมด 280 URL ให้เจ้าพนักงานไปเพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลเชื่อมประสานเบื้องต้น ขอร้องให้เจ้าหน้าที่อ้างอิงถึงความมั่นคงในชาติ กติกา กฎหมาย แต่อย่าให้เข้าใจผิดในเรื่องการลิดรอนเสรีภาพ แต่ให้ช่วยยกตัวอย่างว่า แม้บุคคลธรรมดาหากถูกกระทำด้วยการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาเผยแพร่เยี่ยงนี้ ก็มีความผิดเช่นกัน ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย แต่ทุกประเทศมีกติกา แม้แต่สหรัฐอเมริกาก็ใช่ว่าจะปล่อยให้หมิ่นประมาทกันได้อย่างเสรี
นางสาวมัลลิกากล่าวต่อว่า ทางด้านนโยบาย ได้ส่งหนังสือขอเข้าพบนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไปแล้ว ตามระบบราชการ และได้ส่งหนังสือหลักฐานรับเอกสารเข้าแฟ้มรายงานนายกรัฐมนตรี พร้อมแนบหลักการเหตุผลกับเพจหมิ่นสถาบันผิดกฎหมายทั้งหมด 280 URL ไปให้แล้วพร้อมของรัฐมนตรีไอซีทีในรูปแบบเดียวกัน ทั้งนี้ ได้แจ้งด้วยว่าจะติดตามการทำงานพร้อมให้ความร่วมมือด้านเบาะแสการกระทำผิด แต่ขอให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีไอซีทีประกาศนโยบายส่งสัญญาณให้ชัดเจนเรื่องนี้
“ในหนังสือนั้น คือจนกว่าจะได้เข้าพบจึงจะอธิบายความทุกข์ร้อนของประชาชนผู้มีหัวใจรักในหลวง ต้องการปกป้องสถาบันอย่างสุดชีวิตว่าทำไมต้องลุกมาทำเรื่องนี้ อย่างน้อย 84 ปีของในหลวง นายกฯ ได้รับพระมหากรุณาฯ มากมายจากท่าน รวมทั้งตำแหน่งคุณหญิงที่พระราชทานให้ในวโรกาสนี้ ก็น่าจะทำสิ่งที่เกิดผลประโยชน์ที่สุดสำหรับท่าน และในหนังสือไม่ได้ระบุมาตรา 157 ข้อหาละเว้นไป หากไม่ขยับจึงจะดำเนินการ ตอนนี้จะรอให้เห็นผลการทำงานเชิงรุกของนายกฯ อย่างน้อยก็การประกาศโยบายให้ชัดเจนเสียก่อน และยืนยันว่าจะให้ความร่วมมือเรื่องนี้เต็มที่ ไม่ให้นำการเมืองมาเกี่ยวข้องมากไป เพราะต้องประสานเครือข่ายทุกภาคส่วน แต่ก็ต้องยอมรับว่าบทบาทความเป็นนักการเมือง จะเป็นเกราะแข็งแรงที่จะช่วยให้การทำภารกิจนี้บรรลุเป้าหมาย ไม่มีใครรังแกได้ง่ายๆ” นางสาวมัลลิกากล่าว