“นภพัฒน์จักษ์” ดิ้นไม่หลุด หลังถูก “กนก” โต้กลับ กรณีเขียนบทความชื่นชม “จ.เจตน์” โดยไม่สอบถามความจริง แต่กลับเชื่อทวิตเตอร์ของคนเสื้อแดง ซ้ำถูก “กนกแฟนคลับ” ถล่มยับว่าเป็นอีแอบแดง นั่งเทียนเขียนข่าว จนนักข่าวรุ่นน้องต้องขอโทษรุ่นพี่ ผ่านหน้าเฟซบุ๊ก
จากบทความ “[ที่เห็นและเป็นอยู่] สื่อต้องรับฟังความเห็นของประชาชน” ของนายนภพัฒน์จักษ์ อัตตนนท์ ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวเนชั่น ที่ลงเผยแพร่ในเนชั่นสุดสัปดาห์ ซึ่งมีเนื้อหาในเชิงชื่นชม จ.เจตน์ ว่า ทำถูกต้อง ที่ใช้วิธีการเข้าพูดคุยกับคนที่เห็นต่าง โดยไม่ใช้ความรุนแรง หลังจากนั้น นายนภพัฒน์จักษ์ ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์กลับจากผู้สนับสนุนนายกนกจำนวนมาก
จนกระทั่งเวลาประมาณ 15.30 น.ของวันที่ 10 มี.ค.นายนภพัฒน์จักษ์ ได้ใช้เฟซบุ๊กส่วนตัว “นภพัฒน์จักษ์ อัตตนนทอ ชี้แจงไปยังหน้าเพจเฟซบุ๊กของนายกนก "Kanok Ratwongsakul Fan Page" ว่า เขียนไปด้วยความรวดเร็ว โดยไม่ได้สอบถามเรื่องราวจากนายกนกก่อน และที่เลือกเอาเนื้อหาจากทวิตเตอร์คนเสื้อแดงมาเสนอ เพราะอยากให้ฟังความจากอีกด้าน
“สืบเนื่องจากบทความในเนชั่นสุดสัปดาห์ มีคนเขียนแสดงความเห็นสะท้อนกลับมา ผมขอน้อมรับและขอบคุณที่ตอบมาด้วยเหตุผลครับ
บทความที่ผมเขียนเขียน 1 วันหลังจากที่เกิดเหตุ ซึ่งเขียนด้วยความรวดเร็วพอสมควร ซึ่งผมก็ยอมรับว่ายังไม่ได้สอบถามเรื่องราวจากพี่กนก แต่ได้ถามจากทีมงานแล้ว และเข้าใจว่าเหตุการณ์ไม่ได้มีเรื่องที่น่ากังวล (การปะทะกัน, การโต้เถียงกันรุนแรง)
สาเหตุที่ผมเลือกนำเรื่องเล่าจากทวิตเตอร์ คนเสื้อแดงมาเสนอ เป็นเจตนาที่อยากให้ฟังความอีกด้าน เพราะช่วง 1 วันหลังเกิดเรื่อง อารมณ์ต่อเหตุการณ์นี้รุนแรงมาก รุนแรงกว่าความเป็นจริงไปเยอะพอสมควร
สุดท้ายผมอยากให้มองส่วนที่เป็นความเห็นของผมเป็นหลัก ส่วนเรื่องเล่าจากเหตุการณ์ผมจะแสดงความรับผิดชอบด้วยการแชร์เนื้อหาจากหน้าเพจนี้ไปที่หน้าเพจของผม เพื่อให้เห็นมุมมองอีกด้านครับ
อีกหนึ่งจุดที่สำคัญ คือ มีแฟนๆ พี่กนกหลายคนไม่สบายใจกับบทความนี้ ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าผมเขียนไว้ในบทความชัดเจนว่าชื่นชมท่าทีของพี่กนก และเคารพรุ่นพี่ด้วยใจจริงมาตลอด เจตนาในการเขียนบทความนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะเห็นว่าพี่กนกเป็นแบบอย่างที่ดี แต่ผมก็เลือกนำเสนอความคิดในแบบที่ผมมอง ด้วยความหวังว่าพี่กนกจะไม่เจอเหตุร้ายๆเกิดขึ้นกับตัวเอง
ถ้าทำให้คนบางส่วนไม่สบาย ผมขออภัยและพร้อมน้อมรับความเห็นครับ" นายนภพัฒน์จักษ์ ระบุ
หลังจากนั้น เวลาประมาณ 19.30 น. นายกนก รัตน์วงศ์สกุล ก็ได้ตอบกลับนายนภพัฒน์จักษ์ ดังนี้
1.นภพัฒน์จักษ์ แน่ใจหรือว่า เขียนบทความนี้ 1 วันหลังจากเกิดเหตุ? เหตุเกิดวันไหนน้องรู้มั๊ย? ไม่ได้ถามเรื่องราวจากผม แต่ไปถามกับทีมงาน! คนไหนครับ? เพราะคืนนั้นไม่มีใครรู้มาก่อน ทั้งทีมงานช่อง 9 หรือทีมงานเนชั่น ผมเป็นคนโทร.แจ้งน้องทีมงานของทางเนชั่นคนเดียว มีคนเดียวเท่านั้นที่อยู่ในห้องกับผมคืนนั้น แล้วน้องคนนี้ก็ไม่ได้คุยอะไรกับนภพัฒน์จักษ์ จึงอยากรู้ว่า ไปถามจากทีมงานคนไหน?
2.บทความนี้ ดูเผินๆเหมือนแสดงความปรารถนาดีกับผม แต่การเลือกนำเสนอมุมมองจากทวิตเตอร์กลุ่มที่มานั้น ผมมองว่า เป็นการแสดงความปรารถนาดี ช่วยอธิบายให้กลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งเป็นกลุ่มที่น้องนภพัฒน์จักษ์เข้าไปคลุกคลีอยู่หลายคน
3.อะไรทำให้ นภพัฒน์จักษ์ เชื่อเนื้อหาจากทวิตเตอร์นั้นทั้งหมด? ความจริงผมไม่อยากพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก ถ้าเนื้อหาที่เห็นมันสอดคล้องตามข้อเท็จจริงทั้งหมด แต่มันไม่ทั้งหมด “กลุ่มที่มาไม่ได้ทำเรื่อง แจ้งให้ อสมท.ทราบ” เป็นไปไม่ได้ ถ้าแจ้งประสานมาแล้ว ทาง อสมท.จะไม่แจ้งผม เพราะหลังจากเกิดเรื่อง ผมได้คุยกับผู้ใหญ่บางท่านของช่อง 9 ท่านน่ารักมาก ท่านลงมาขอโทษในสิ่งที่เกิดขึ้น และบอกว่า ไม่มีใครรู้เรื่องมาก่อน อีกทั้งคนชื่อเจตน์ ก็ถามผมก่อนจะพูดคุยว่า “จะเรียกใครมาร่วมรับฟังไหม” เพราะเขาเห็นว่าตอนนั้น ก่อนที่น้องทีมงานจะมาอยู่ 1 คน ไม่มีใครอยู่กับผมเลย ก็เพราะคนกลุ่มนี้ มาโดยไม่ได้บอกใครในสถานีไง
4.เนื้อหาที่นภพัฒน์จักษ์เอามาจากทวิตเตอร์ บอกว่า เห็นคุณกนก งงๆ ตกใจ ก็รู้เลยว่า ไม่รู้ตัวมาก่อน คนชื่อเจตน์จึงเข้ามา "สวัสดีพร้อมแนะนำตัวอย่างสุภาพ ถึงเหตุผลที่มาในคืนนั้น!!! ประโยคแรกที่คนชื่อเจตต์พูดกับผม คือ “ขอให้หยุด..เดี๋ยวก่อนๆ ขอพูดอะไรหน่อย..จะกลับมาหรือเปล่า? (ผมขอไปเปลี่ยนเสื้อ) จะหนีไปมั้ย?” แค่คำว่าสวัสดียังไม่มีเลยนภพัฒน์จักษ์
5.ทั้งหมดที่มาในคืนนั้น ผมเห็นอยู่ 2-3 คน ที่ผมคิดว่าเขามีเหตุผล พูดคุยและรับฟังความเห็นจากผม ไม่ได้มาแบบตั้งป้อมจะให้ผมออกจากการทำรายการ 1 ใน 2-3 คนนั้น ยังขอจับมือกับผมในตอนท้าย ซึ่งผมประทับใจเค้าเป็นการส่วนตัว เสียดายที่ไม่ได้ถามชื่อ และหนุ่มคนนั้นเป็นคนตรงไปตรงมา เขาใส่เสื้อสีแดง บอกกับผมตรงๆ ว่า เขาเป็นเสื้อแดง เขาต้องการช่วยพี่น้องของเขาที่ติดคุกด้วย ม.112 ทั้ง 2-3 คนนั้น ไม่รวมคนชื่อเจตต์
6.นภพัฒน์จักษ์ รู้มั้ย ที่เขามาในคืนนั้น ประเด็นหลักที่จะมาร้องเรียนผม คือเรื่องอะไร? น้องถึงไปเขียนบทความประมาณ ว่า เป็นเรื่องดีที่สื่อจะรับฟังความเห็นของประชาชน ผมรับฟังความเห็นของทุกๆคนเสมอ แต่คืนนั้นคนชื่อเจตน์เริ่มด้วย “จากกรณีที่ อ.วรเจตน์ ถูกทำร้ายร่างกาย เราคิดว่าคุณคือสื่อที่เป็นตัวปัญหาของเรื่องนี้!! คุณกนกเป็นสื่อในกระแสหลักที่ทำรายการด้วยความเห็นส่วนตัว ทำให้สังคมแตกแยก”
สุดท้ายผมถึงบอกว่า กลุ่มคนที่มาไม่เคยดูรายการผม นภพัฒน์จักษ์ ก็คงไม่ได้ดู ถ้าดูจะรู้ว่าตั้งแต่หลังเลือกตั้งเป็นต้นมา รายการผมมีแต่ข่าว จับยาบ้า ค้ายาไอซ์ แฉบ่อน พระมั่วสีกา จานบินต่างดาว มะนาวแพง ไฟไหม้ หมอกควัน ศาลาการเปรียญเฮี้ยน ประเด็นเหล่านี้หรือที่ทำให้สังคมแตกแยก? ผมไม่อยากพูดเรื่องนี้นะ จนกระทั่งนภพัฒน์จักษ์ เขียนบทความ
ระหว่างการพูดคุยกัน ของ นายกนก และ นายนภพัฒน์จักษ์ ผ่านทางหน้าเฟซบุ๊ก ก็ได้มีคนเข้ามาแสดงความเห็นจำนวนมาก ในเชิงต่อว่านายนภพัฒน์จักษ์ เป็นเสื้อแดง และนั่งเทียนเขียนข่าว
จนกระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 21.30 น.นายนภพัฒน์จักษ์ ได้ยอมรับผิดที่อ้างอิงข้อมูลจากแหล่งเดียว แต่ขอยืนยันว่ามีเจตนาบริสุทธิ์
“พี่กนกครับ ผมโดนด่าเยอะพอสมควร แต่ที่ไม่สบายใจที่สุดคือผมไม่อยากให้พี่เข้าใจเจตนาผมผิด เพราะผมเคารพ และนับถือพี่กนกมาตลอด
ยอมรับว่า ครั้งนี้ผมผิดพลาดไปที่อ้างอิงข้อมูลแหล่งเดียว อยากอธิบายในทุกเรื่องแต่ผมไม่อยากลงรายละเอียดมาก เพราะตรงนี้เป็นที่สาธารณะ และตอนนี้ก็มีคนคอยอยากสร้างสถานการณ์ คอยเสี้ยม ค่อนข้างมาก
ยังไงขออภัยพี่กนกมา ณ ที่นี้ ที่แม้ว่าผมจะยืนยันว่า ส่วนของบทความผมเขียนด้วยเจตนาที่บริสุทธิ์ แต่ก็ได้สร้างความลำบากใจให้กับพี่ครับ ส่วนรายละเอียดที่เหลือ ผมขอโอกาสรบกวนเวลาไปคุยกับพี่เป็นการส่วนตัวนะครับ เพราะไม่อยากให้กลายเป็นภาพคนเนชั่นทะเลาะกัน จะได้ไปขออภัยด้วยตัวเองด้วย
เอมครับ”
แต่กระแสต่อว่านายนภพัฒน์จักษ์ ก็ยังคงไม่หยุด จนกระทั่งล่าสุดเวลา 23.30 น.นายนภพัฒน์จักษ์ ก็ได้พิมพ์ขอโทษนายกนก “ผมขอโทษพี่กนกครับ”
ที่มา : www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=376617472355958&id=130660513618323