xs
xsm
sm
md
lg

รัฐบาลกระเตงแดง เหนี่ยวรั้งปรองดอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
สะเก็ดไฟ

อนุมัติจัดหนักกันไปแล้ว สำหรับเงินเยียวยาผู้เสียชีวิตจากการชุมนุมทางการเมือง รับกันไปเหนาะๆ รายละเฉียด 8 ล้านบาท ได้อานิสงส์กันไปเกือบ 2,000 ราย ภายใต้งบประมาณ 2 พันล้านบาท

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายรัฐมนตรี
 

ย้ำหัวหมุดสร้างภาพสวยหรูว่าจะจ่ายให้ทุกคนทุกฝ่าย ไม่มีสี ไม่มีเลือกปฏิบัติ ท่ามกลางเสียงแซ่ซ้องสรรเสริญของฝ่ายสนับสนุน โดยเฉพาะพลพรรคคนเสื้อแดง ไม่ว่าตาย เจ็บมาก เจ็บน้อย ได้หมด

งานนี้อู้ฟู่ไปทั้งเครือข่าย

ไม่ทันไรก็มีความเห็นเชิงสอพลอจากแนวร่วมว่า ค่าชีวิตของคนประเมินไม่ได้ เงินจำนวนเท่าไหร่ก็ไม่เพียงพอ อวยชัยให้พรกันเถิดเทิง พ่นน้ำลายชโลมเลียเต็มที่ว่าสิ่งที่รัฐบาลทำนั้นถูกต้องที่สุดแล้ว!!

การจัดหนักแจกแหลกของรัฐบาลครั้งนี้ แน่นอนว่าได้ใจคนเสื้อแดงส่วนใหญ่ไปเต็มๆ
สะท้อนให้เห็นภาพว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยไม่ทิ้งขว้าง เป็นการเลี้ยงกระแส เติมพลังเครือข่ายตัวเองไปในตัว

หากในอนาคตมีการชุมนุมอีกก็อนุมานได้ว่าแนวร่วมคนเสื้อแดงจะออกหน้ากันมาบานตะไทแน่ และก็อาจเห็นอาการเกรี้ยวกราดรุนแรง ลุยแหลกไม่คิดชีวิต เพราะอย่างน้อยๆ ก็มีเม็ดเงินคอยซัปพอร์ตหากต้องเกิดการบาดเจ็บ ฟกช้ำดำเขียว

ไม่แน่ใจว่าการออกโรงสนับสนุนเงินเยียวยาของรัฐบาลแบบเต็มเหนี่ยวครั้งนี้ จะทำให้การเมืองข้างถนนเพิ่มดีกรีความรุนแรงขึ้นอีกระดับในอนาคตหรือไม่ ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นฝ่ายเรียกร้องมาตลอดว่า การเมืองต้องเล่นกันในสภา อย่าไปเล่นข้างถนน!!

ถ้าลองนึกภาพมุมกลับ วันหนึ่งคนเสื้อเหลือง เสื้อหลากสีออกมาเดินขบวนประท้วง แล้วเกิดเหตุการณ์ปะทะรุนแรง จนถึงขั้นเจ็บ ตาย จะเกิดอะไรขึ้น

แน่นอนว่า รัฐบาลจะต้องจ่ายเงินเยียวยาตามมาตรฐานเดียวกัน แต่ชั่วโมงนั้นการเมือง 2 ฝ่าย คงคุกรุ่นรุนแรง คนเสื้อแดงตลอดจนเครือข่ายคนรักแม้วในซีกรัฐบาลจะคิดเช่นไร ที่ต้องไปจ่ายให้กับพวกที่ออกมาเดินขบวนล้มล้างตัวเอง

ดีไม่ดีอาจเห็นคนเสื้อแดงออกมาปฏิบัติการถ่อย เถื่อนร้องแรกแหกกระเชออย่าไปจ่ายเงินให้ศัตรู

ขยายความขัดแย้งวุ่นวายลามปามระลอกใหม่ อาจได้ปะทะกันเลือดสาดอีกครั้ง..

สิ่งที่คนในรัฐบาลพร่ำบอกว่า การจ่ายเงินชดเชยเยียวยาของรัฐบาลครั้งนี้ เป็นบันไดก้าวไปสู่ความปรองดอง ไม่ใช่แน่
แต่มันอาจเป็นบันไดวนที่เดินเวียนกลับไปสู่ความขัดแย้งเดิมๆ

วันนี้นโยบายคืนความปรองดองคืนสู่ประเทศไทยของรัฐบาล ตามสโลแกน แก้ไข ไม่แก้แค้น ยังไม่เห็นอะไรเด่นชัดเป็นรูปธรรม นอกจากการสนองพระคุณของคนเสื้อแดง และคนที่อุ้มชูดูแลพรรคเพื่อไทยให้ได้มาเป็นรัฐบาล

ความพยายามที่เห็นเด่นชัดกว่าการคืนความปรองดองสู่สังคมไทยคือการนำพา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษคดีอาญาที่หลบหนีอยู่ต่างประเทศกลับบ้าน พร้อมล้างมลทินให้ใสสะอาด ไม่ต้องกลับมาติดคุกติดตะรางให้เสื่อมราศี เสื่อมเกียรติยศของอดีตผู้นำประเทศ

ความพยายามเสนอกฎหมายนิรโทษกรรม สอดไส้กฎหมายอภัยโทษเป็นสิ่งที่สังคมเห็น และจับได้ไล่ทัน พิสูจน์ได้อย่างดีว่าเจตนาสร้างความปรองดอง หรือช่วยเหลือพ.ต.ท.ทักษิณ อย่างไหนแรงกล้ากว่ากัน

เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่รัฐบาลตั้งแท่นแก้ไขมาจนนับหนึ่งได้สำเร็จ

ประชาชนก็ได้แต่มองตาปริบๆ นั่งดูฝ่ายการเมืองเล่นแร่แปรธาตุกันเพราะไม่เคยได้ยินได้ฟังว่าแก้ไขแล้วความปรองดองจะเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม แม้แต่เรื่องปากท้อง ความเป็นอยู่ ของชาวบ้านตาดำๆ จะดีขึ้นอย่างไร ยังไม่เคยได้ยินสักแอะ

ได้ยินแต่การแก้ไขเพื่อสนองตัณหาฝ่ายการเมือง แก้เพื่อล้มศาลเลิกองค์กรอิสระ ล้างผิดให้นักโทษ เอาคนที่อยู่ต่างประเทศกลับบ้าน

ล่าสุด “พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน” อดีตผู้บัญชาการทหารบกชุดปฏิวัติ 2549 ซึ่งวันนี้กลับมารับบทบาทประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติหน้าตาเฉย ตัวเองทำแตกแยก แล้วมารับบทผสานรอยร้าว หมดค่าหมดราคา หมดความน่าเชื่อถือ กลายเป็นเพียงตัวตลกเล่นละครสร้างภาพไปวันๆ ได้เอาผลการศึกษาของสถาบันพระปกเกล้า มาโยนใส่สังคมมุ่งค้นหาความจริงของเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองให้อภัยผ่านกระบวนการนิรโทษกรรม

ทำนองเดียวกับคณะทำงานที่รัฐบาลตั้งขึ้นมาศึกษาหลายต่อหลายชุด นิรโทษเยียวยา นับหนึ่งกันใหม่ พูดซ้ำไปซ้ำมาเป็นแผ่นเสียงตกร่องอยู่แค่นั้นนึกมุขปรองดองไม่ออกไปมากกว่านี้

เพราะส่วนลึกในสมองแล้วสลัดไม่พ้นกับการช่วยเหลือพวกกันเอง

การนิรโทษกรรมล้มล้างความผิด และจ่ายเงินชดเชยเยียวยาใช่ว่าจะเป็นการปรองดองเสมอไป ใครไปทำชั่วช้าสามานย์อะไร ก็ยกเลิก  ล้างความผิดกันอยู่ตลอด ใครที่ไหนจะหลาบจำ มันต้องใช้ไม้แข็งกันบ้าง

ประเทศไทย คนไทยอะลุ้มอล่วยกันมามากเกินไป จนเกิดความวุ่นวายทางการเมืองไม่รู้จบ

ถ้าทำกฎหมายให้เป็นกฎหมาย ไม่อยู่ภายใต้กฎหมู่ ทำเหมือนอย่างอารยประเทศที่เจริญแล้ว คนไทยคงได้อยู่กันผาสุกมากกว่านี้ ไม่ต้องมาคอยนั่งปวดกะโหลกกับวังวนปัญหาการเมือง ที่ลุกลามเข้าสู่ชีวิตประจำวันของตัวเองอยู่เป็นประจำ

แนวทางการปรองดองที่รัฐบาลกำลังดำเนินอยู่ หลายฝ่ายคิดว่ามันไม่ได้เดินไปอย่างถูกทาง รังแต่จะตอกลิ่มเพิ่มขัดแย้งทีละเล็ก ทีละน้อยแบบเงียบๆ

นโยบายการใช้เงินนำหน้าการเมือง การเดินเกมบนธุรกิจการเมือง ถือหลักเงินเป็นใหญ่ซื้อได้ทุกอย่าง โอ๋กันออกนอกหน้า ปราศจากการใช้ไม้แข็ง เปรียบไป ก็เหมือนกับการเลี้ยงลูกด้วยเงิน ทอง

เอะอะก็ใช้เงินฟาดหัว ไม่มีเวลาพร่ำสอนอย่างจริงใจ ได้แต่ใช้ทรัพย์สมบัติเลี้ยงแทนความเอาใจใส่ อยากได้อะไรประเคนให้ทุกอย่าง ไม้เรียวไม่เคยหวดถูกกาย ในที่สุดก็เคยตัว เอาแต่ใจ ต้องได้เงิน ต้องได้ทุกอย่างตามที่ตัวเองต้องการ ไม่เคยแยแสคนอื่น ไม่เคยรับฟังอะไร

การปรองดองก็คือการทำให้ทุกฝ่ายยอมรับเงื่อนไข ที่พบกันครึ่งทางไม่มีใครได้หมดเสียหมด แต่ดูเหมือนรัฐบาลกำลังเอนเอียง เดินเบี่ยงไปอีกทาง หลักไม่แน่น เป็นเพียงไม้หลักปักขี้เลน ยากที่จะปรองดองสำเร็จ
กำลังโหลดความคิดเห็น