xs
xsm
sm
md
lg

“สุภิญญา” รับบริษัทสื่อสารรายใหญ่หิ้วไอโฟน 4s แจก กสทช.จริง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สุภิญญา กลางณรงค์
“สุภิญญา” รับบริษัทสื่อสารยักษ์ใหญ่หิ้วไอโฟน 4s แจกจริง แต่เจ้าตัวส่งคืน เหตุมูลค่าเกิน 3 พันบาท อุบใช่เอไอเอสหรือไม่ ด้าน “ฐากร” แจงเรื่องของรางวัลงานเลี้ยงประจำปี ระบุบริษัทเอกชนนำเข้าร่วมด้วยความสมัครใจ มิได้ร้องขอ อีกทั้งไม่ทราบก่อนว่าเป็นของอะไร จะทราบต่อเมื่อมีการจับสลากแล้วเท่านั้น ยันไม่ขัดระเบียบ ป.ป.ช.

วานนี้ (6 มี.ค.) เว็บไซต์สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้รายงานข่าวว่า น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการ กสทช. (สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ) ให้สัมภาษณ์กรณีบริษัทสื่อสารรายใหญ่ให้โทรศัพท์ไอโฟน รุ่น 4s เป็นของขวัญแก่กรรมการ กสทช. โดยเผยว่าในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาซึ่งเป็นช่วงบริษัทเอกชนรายหนึ่งมาเข้าพบคณะกรรมการ กสชท.เพื่ออวยพรปีใหม่ มีตัวแทนบริษัทเอกชนทำธุรกิจสื่อสารรายใหญ่แห่งหนึ่งได้นำกระเช้าผลไม้ พร้อมพระ และถุงของขวัญมามอบให้ตนที่ห้องทำงานเพื่ออวยพรปีใหม่จริง แต่เมื่อตรวจสอบสิ่งของภายในถุงของขวัญดังกล่าวพบว่าเป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ไอโฟน 4s ตนจึงปฏิเสธที่จะรับเอาไว้ พร้อมส่งคืนให้ตัวแทนบริษัทเอกชนรายดังกล่าวทันที

“เขามาเข้าพบดิฉันเพื่ออวยพรและสวัสดีปีใหม่ พระ และถุงของขวัญมาให้ ซึ่งในส่วนของพระ ได้รับเอาไว้ เพราะคิดว่าคงไม่เกิน 3,000 บาท แต่ในส่วนถุงของขวัญได้ขอเปิดดู เมื่อพบว่าเป็นโทรศัพท์ไอโฟน 4s ก็รีบคืนไปทันที ไม่ได้รับเอาไว้”

เมื่อถามว่า ผู้บริหารบริษัทมือถือให้เหตุผลในการมอบไอโฟน 4s ครั้งนี้อย่างไร น.ส.สุภิญญากล่าวว่า “เขาก็บอกว่าเอาไว้ลองใช้ดู เพราะเป็นรุ่นใหม่ เราก็บอกว่าเรามีแล้ว เพราะปกติ กรรมการ กสทช.ทุกคนจะมีเครื่องไอโฟนของสำนักงานไว้ใช้ทำงานอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้รุ่นนั้น ถึงเราไม่มีเราก็รับไม่ได้ เพราะมันเกินมูลค่า 3,000 ตามที่กฎหมาย ป.ป.ช.กำหนดไว้ ก็แจ้งเขาไปแบบนั้นว่ามันขัดกฎหมาย คงรับไม่ได้ เขาก็บอกว่าเอาไปทดลองใช้ก่อน เราก็บอกว่าทดลองใช้ก็ไม่ได้ เพราะมันก็ผิดอยู่ดี เขาก็เข้าใจ และเอากลับไป เราก็ขอบคุณเขา”

เมื่อถามว่า กรรมการ กสทช.คนอื่นๆ ได้รับมอบเครื่องไอโฟน 4s เป็นของขวัญปีใหม่ด้วยหรือไม่ น.ส.สุภิญญากล่าวว่า “อันนี้ไม่ทราบ เพราะว่ากรรมการ กสทช.แต่ละคนอยู่คนละห้องกัน เขาจะไปพบกรรมการทุกคนหรือไม่ จะให้ไอโฟน 4s ทุกคนหรือไม่ ดิฉันไม่ทราบได้ แต่คิดว่าเขาไม่น่าจะมาพบดิฉันคนเดียว น่าจะไปพบกรรมการ กสทช.ทุกคน คงไม่เลือกเจาะจงใครเป็นพิเศษ ส่วนจะคุยนานคุยสั้นก็แล้วแต่คน”

แต่ในกรณีดิฉันตัวแทนบริษัทมาพบจริง แล้วก็เอาเครื่องไอโฟน 4s มาให้จริง แต่ไม่ได้รับเอาไว้ ซึ่งตอนที่ปฏิเสธไป เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็รับคืนกลับไปโดยดี และช่วงที่จะลาจากกัน ดิฉันยังได้มอบหนังสือพูดความจริงกรณีถูกฟ้อง 400 ล้าน (หนังสือเรื่องพูดความจริง เป็นหนังสือที่ น.ส.สุภิญญาเขียนขึ้นจากประสบการณ์จริงในช่วงที่ถูกบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน 400 ล้านบาท) ให้เขาไปด้วยเลย” น.ส.สุภิญญาระบุ

น.ส.สุภิญญากล่าวต่อว่า ในข้อเท็จจริงแล้ว ตนไม่น่าจะเป็นเป้าหมายหลักที่ตัวแทนบริษัทเอกชนรายนี้จะมาพบโดยตรง เพราะกำกับดูแลกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ไม่ได้ดูแลด้านกิจการโทรคมนาคม งานมันแยกกันชัดเจน เพราะฉะนั้น เขาอาจจะมาตามธรรมเนียม ซึ่งในส่วนงานด้านกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ก็มีตัวแทนเอกชน มาเข้าพบเหมือนกัน แต่ก็มาในวิสัยปกติ เอากระเช้าผลไม้ กาแฟ หรือพระ มาให้เพื่ออวยพรปีใหม่ ซึ่งถ้าอยู่ในวิสัยปกติรับได้ก็รับ และก็คุยด้วยไมตรีจิต ไม่มีใครมีกรณีอะไรเป็นพิเศษ เหมือนกรณีนี้ ที่มีการนำเครื่องไอโฟน4s มามอบให้ ซึ่งถือเป็นเอกชนรายเดียวที่ทำแบบนี้

“การที่มีคนเอาของมีค่า เกินสิ่งที่กฎหมายบังคับไว้ มามอบให้ เราต้องใจแข็งรับไม่ได้ เพราะถ้ารับไปแล้ว ถูกเล่นตอนหลังจะซวยเอา กรณีนี้คิดว่าเอกชนเขาอาจจะลองใจคณะกรรมการ กสทช. เราก็พิสูจน์ให้เขาเห็นแล้วว่ามันไม่เหมาะสม ถ้าเขาเรียนรู้แล้วคราวหน้าเขาก็คงไม่ทำอีก ..ก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้นนะ” น.ส.สุภิญญาระบุ

เมื่อถามว่า ตัวแทนบริษัทที่นำไอโฟน 4s มามอบให้ คือ บริษัท เอไอเอส ใช่หรือไม่ น.ส.สุภิญญาหยุดคิดนิดหนึ่ง ก่อนตอบว่า “ขอไม่เอ่ยถึงแล้วกัน เขามาพบเรา เราไม่รับก็เป็นสิทธิของเรา ไม่อยากพาดพิงรายไหน ถ้าบอกรายนี้ให้ของแบบนี้ ปีหน้ารายอื่นอาจจะทำตามเอาของแบบเดียวกันมาให้ มันจะไม่ดี และอาจจะเป็นการส่งสัญญาณว่าอยากจะให้รายอื่นเอามาให้ด้วย ไม่ขอเอ่ยชื่อดีกว่า แต่เชื่อว่าปีหน้าคงไม่มีเรื่องแบบนี้อีกแล้ว”

ส่วนกรณีของรางวัลที่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเอกชน ที่นำมาให้พนักงานเจ้าหน้าที่จับฉลากของขวัญปีใหม่นั้น น.ส.สุภิญญากล่าวว่า ไม่ทราบรายละเอียดต้องไปสอบถามข้อมูลจากเลขาธิการ กสทช. เพราะเป็นผู้รับผิดชอบดูแลงานสำนักงาน กสทช.

“การจับของรางวัลของพนักงาน ดิฉันไม่ทราบ เพราะไม่ได้เป็นส่วนที่ดิฉันรับผิดชอบ รวมถึงกรรมการ กสทช.ด้วย เป็นเรื่องที่สำนักงานรับผิดชอบ หน้าที่ของคณะกรรมการ กสทช. คือ ไปร่วมงานปีใหม่และ ซื้อของขวัญไปให้พนักงานจับฉลากกัน ดิฉันก็เอาของขวัญที่ใช้เงินของตัวเองซื้อไปมอบให้ด้วย กรรมการ กสทช.คนอื่นๆ ก็นำของขวัญส่วนตัวไปร่วมด้วยเหมือนกัน ส่วนของขวัญชิ้นอื่นๆ จะมาจากไหน บริษัทใดจะเอามาให้ เราไม่ทราบรายละเอียด เรื่องนี้ขอ ให้ไปถามข้อมูลจาก เลขาธิการ กสทช. เองจะดีกว่า เพราะเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง”

น.ส.สุภิญญากล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม หากปรากฏข้อเท็จจริงว่า ของขวัญที่นำมาให้พนักงานเจ้าหน้าที่จับสลาก ได้รับการสนับสนุนมาจากบริษัทเอกชนที่มีความเกี่ยวข้องกับงานของ กสทช.จริง ก็อาจจะมองว่าเป็นเรื่องที่ขัดจริยธรรมได้ แต่ต้องยอมรับว่าขณะนี้ กสทช.ยังไม่ได้มีการเขียนหลักจริยธรรมขององค์กรออกมาเป็นทางการ แต่ถ้าขัดหลักกฎหมาย ป.ป.ช. และถ้าพิสูจน์ได้ว่า มีความเสียหายเกิดขึ้น บอร์ด กสทช.ก็อาจจะเรียกผู้แทนสำนักงานมาตรวจสอบก็ได้ แต่การดำเนินงานทุกอย่างต้องให้ความเป็นธรรมว่าสิ่งของมีที่มาที่ไปอย่างไร และขัดต่อกฎหมายหรือไม่

“สิ่งของขวัญจับสลาก บอร์ด กสทช. ไม่ทราบรายละเอียดจริงๆ เพราะมีหน้าที่ตัดสินใจเชิงนโยบาย เป็นเรื่องที่อยู่ในความรับผิดชอบของ สำนักงาน ที่มีหน้าที่ จัดซื้อจัดจ้าง จัดกิจกรรม เป็นหลัก” น.ส.สุภิญญากล่าว

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้ติดต่อไปยังกรรมการ กสทช.คนอื่นๆ ได้แก่ พ.อ.นที ศุกลรัตน์, นายสุทธิพล ทวีชัยการ พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี ประธาน กสทช. เพื่อให้ชี้แจงข้อเท็จจริงเช่นเดียวกัน ทุกคนยืนยันว่าไม่เคยได้รับมอบโทรศัพท์ไอโฟน 4s เป็นของขวัญปีใหม่จากบริษัทเอกชนรายใด และไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อน

พล.อ.อ.ธเรศระบุว่า เครื่องไอโฟนที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เป็นสมบัติส่วนตัว ใช้งานมาตั้งแต่ก่อนที่จะรับตำแหน่ง กสทช.แล้ว ส่วนนายสุทธิพลระบุว่าปัจจุบันใช้เครื่องไอโฟนของสำนักงาน กสทช.

ขณะที่ พ.อ.นทีระบุว่า ปัจจุบันใช้โทรศัพท์ BB หรือ BlackBerry ส่วนเครื่องไอโฟนที่ภรรยา ใช้เป็นสมบัติส่วนตัวที่ซื้อมาเอง สำหรับสิ่งของที่ได้รับมอบจากบริษัทเอกชนรายนี้ คือ พระแก้วมรกต เท่านั้น

เมื่อถามว่า เรื่องนี้จะต้องนำไปหารือในที่ประชุม คณะกรรมการ กสทช.หรือไม่ พ.อ.นทีกล่าวว่า เป็นเรื่องความรับผิดชอบของแต่ละบุคคล ตนไม่สามารถไปก้าวก่ายใครได้ และก็ไม่ใช่ ป.ป.ช. ที่มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วย

นอกจากนี้ ในส่วนของรางวัลงานเลี้ยงปีใหม่ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า มีเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการรับของรางวัลดังกล่าวอย่างน้อย 2 ฉบับแพร่กระจายออกไปยังหน่วยงานภายใน กสทช.

(ภาพประกอบ 1.1-1.2 ) เอกสารฉบับแรก ที่ กจ.๗ ๓๑/๒๕๕๕ วันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๕ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักกิจการ

กรรมการ ได้ทำบันทึกตอบกรรมการ กสทช. ที่ “ขอให้ สำนักงาน กสทช.แสดงรายการของขวัญ มูลค่า พร้อมแหล่งที่มาที่มิใช่ของขวัญจาก กสทช.และผู้บริหารสำนักงาน”

นายไตรรัตน์ตอบว่า “ของรางวัลจากบุคคลภายนอกที่เข้าร่วมงานและแสดงความจำนงในการร่วมจับสลากนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดความสนุกสนาน นอกจากนั้นของรางวัลดังกล่าวก็มิได้มีเจตนาจะมองให้สำนัก กสทช. หรือ

ทั้งนี้ เอกสารที่นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล ทำบันทึกตอบกรรมการ กสทช.นั้น ระบุรายการของรางวัลพิเศษจำนวน 21 รางวัล ระบุผู้สนับสนุนของรางวัล และระบุชื่อผู้ได้รับของรางวัล ผู้สนับสนุนของรางวัล โทรศัพท์เคลื่อนที่ (I Phone 4s 64 GB) 1 เครื่อง และตุ๊กตาน้องอุ่นใจ 15 ตัว จากบริษัท AIS, กล้องดิจิตอล ยี่ห้อ ฟูจิ 1 ตัว, Digital Photo Frame 1 ตัว, โทรศัพท์เคลื่อนที่ยี่ห้อซัมซุง กาแลกซี่มินิ 1 เครื่อง และซัมซุง พันช์ 1 เครื่อง (Sumsung Punch) รวม 4 รางวัลจากบริษัท เอ็มบิส และกล่องของขวัญ 1 กล่องจาก นายประสิทธิ์ ประพิณมงคลการเจาะจงให้โดยเฉพาะ ประกอบกับบุคคลภายนอกแจ้งว่าของรางวัลดังกล่าวเป็นของที่จัดเตรียมไว้แจกในเทศกาลปีใหม่ให้แก่ลูกค้าหรือผู้ที่มีนิติสัมพันธ์เท่านั้น จึงไม่อาจแสดงมูลค่าได้”

(ภาพประกอบ 2.1-2.2) เอกสารฉบับที่สอง ที่ กกท. ๗/๒๕๕๕ วันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการกลุ่มงานกรรมการกิจการโทรคมนาคม ปฏิบัติการแทน เลขาธิการ กสทช.ทำบันถึงชี้แจงเพิ่มเติมสรุปสาระสำคัญ 3 ข้อ

1. สำนักงาน กสทช.มิได้วางหลักเกณฑ์หรือแนวทางในการพิจารณารับมอบของขวัญ เนื่องจากในงานเลี้ยงสังสรรค์ทุกปีที่ผ่านมา ประธาน กทช.จะมีนโยบายให้เชิญอดีต กทช. ผู้ประกอบการ สื่อมวลชล หน่วยราชการ มาร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์เท่านั้น โดยมิได้ขอรับการสนับสนุนของรางวัลจากผู้ร่วมงานใด

2. ของรางวัลดังกล่าวถูกผู้เข้าร่วมงานนำมามอบผ่านนายชูศักดิ์ เสรีรัฐ ประธานกรรมการพิจารณาการจัดการแข่งขันกีฬาสีภายในประจำปี ๒๕๕๕ เอกชนผู้ร่วมงานมิได้บอกรายละเอียดว่าเป็นของขวัญอะไร นายชูศักดิ์ก็ไม่ได้ทำบันทึกรับมอบล่วงหน้าเพราะของขวัญมิได้มอบให้สำนักงาน กสทช. จึงไม่ได้รายงานผู้ใด

3.ผู้บริหารสูงสุดของสำนักงาน คือ เลขาธิการ มิได้รับทราบถึงแหล่งที่มาของของขวัญ เพียงถูกเชิญให้จับรางวัลเท่านั้น

ทางด้านนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) ก็ได้ชี้แจงผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว Takorn Tantasith (www.twitlonger.com/show/g9ee4h)ตอบโต้กระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมในการรับของขวัญจากเอกชน

โดยระบุว่า “สำนักงาน กสทช. ขอชี้แจง เรื่องยักษ์สื่อสารประเด็นรับของขวัญจับรางวัลงานเลี้ยงปีใหม่ ดังนี้ ตามที่มีผู้กล่าวอ้างว่า สำนักงาน กสทช.กระทำการอันไม่เหมาะสม โดยรับของขวัญจากเอกชนหรือผู้ประกอบการ เพื่อนำมาจับสลากในงานกีฬาสีและงานเลี้ยงประจำปีใหม่ 2555 ซึ่งอาจจะขัดต่อประกาศคณะกรรมการ ปปช. กรณีห้ามรับรับทรัพย์สินจากบุคคลอื่นซึ่งมีราคาเกิน 3 พันบาท นั้น

สำนักงาน กสทช.ขอเรียนชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าวมีความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง เนื่องจากการจัดงานดังกล่าวเป็นการจัดงานประจำปีของสำนักงาน กสทช. ที่ได้ดำเนินการติดต่อกันมานับแต่เป็นสำนักงาน กทช. ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างสุขภาพและอนามัย รวมทั้งเป็นการเสริมสร้างขวัญกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงานทุกคน โดยในงานสำนักงาน กสทช. จะมีการเลี้ยงสังสรรค์ และผู้บริหารจะมอบของขวัญให้คณะกรรมการจัดงานดำเนินการจับสลากแจกเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ มิได้มีการขอรับบริจาคหรือร้องขอให้บุคคลใดนำของขวัญมามอบให้เพื่อจับสลากแต่ประการใด การจัดงานดังกล่าวปกติจะจัดในเดือนธันวาคมของทุกปี และในปีนี้ได้เลื่อนมาจัดในเดือนมกราคม ๒๕๕๕ เนื่องมาจากเกิดเหตุการณ์อุทกภัย งานนี้จึงมิใช่การจัดงานปีใหม่แต่ประการใด

ส่วนการที่มีบุคคลภายนอกมาร่วมงานและนำของขวัญมาร่วมจับรางวัลด้วย เป็นความสมัครใจในการร่วมงานของแต่ละบุคคลมิได้มีการร้องขอหรือขอรับบริจาค และหากผู้ใดนำของรางวัลมาก็จะนำมามอบให้คณะกรรมการจัดงานโดยตรง มิได้นำมามอบให้เฉพาะจงจงแก่บุคคลใดเพื่อเป็นการตอบแทนใดๆ

ซึ่งสำนักงาน กสทช. (เลขาธิการ กสทช.) ก็จะไม่ทราบว่าเป็นของรางวัลอะไร มีมูลค่าเท่าใด ใครเป็นผู้นำมาให้ จะทราบเมื่อมีการจับสลากและแจกของรางวัลให้กับผู้โชคดีแล้วเท่านั้น การแจกรางวัลดังกล่าวมิได้เป็นการรับของของขวัญตามที่เป็นข่าวแต่ประการใด”
ภาพประกอบ 1.1
ภาพประกอบ 1.2
ภาพประกอบ 2.1
ภาพประกอบ 2.2
คำชี้แจง นายฐากร ตัณฑสิทธิ์
กำลังโหลดความคิดเห็น