“อภิสิทธิ์” น้อมรับคำวินิจฉัยศาล ชี้ พ.ร.ก.2 ฉบับไม่ขัด รธน.เตือนรัฐบาลอย่าย่ามใจ ฝ่ายค้านพร้อมติดตามตรวจสอบใกล้ชิด ด้าน “กรณ์” จี้ รัฐวางกรอบใช้เงินให้ชัด หวั่นเหลิงอำนาจ ออก พ.ร.ก.กู้เงินมาใช้โดยไม่ผ่านการตรวจสอบ ด้านปลัดคลังเตรียมเสนอ ครม.อนุมัติ คาด กู้เงินครบ มิ.ย.ปีหน้า
วันนี้ (22 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ว่า พ.ร.ก.การเงิน 2 ฉบับไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ว่า ต้องเคารพคำวินิจฉัยของศาล เป็นหน้าที่ฝ่ายค้านที่ต้องตรวจสอบต่อไป ในเรื่องของการดำเนินการตาม พ.ร.ก.ให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยเฉพาะเมื่อศาลให้น้ำหนักว่าประเด็นเรื่องน้ำท่วมนั้นจำเป็นเร่งด่วน รัฐบาลก็ต้องโปร่งใส และมีประสิทธิภาพในการทำงาน ตามกฎหมายเหล่านี้ ซึ่งแม้เราจะเห็นว่ามันน่าจะออกเป็นกฎหมายตามปกติได้ แต่เมื่อผลเป็นเช่นนี้ พรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องตรวจสอบต่อไป และรัฐบาลก็ต้องเร่งดำเนินการป้องกันจัดการเรื่องน้ำ เพราะถ้ายังช้าอยู่ก็ไม่ตรงกับเจตนารมณ์
“อยากให้รัฐบาลฟังเสียงทุกฝ่าย ว่า ถ้าใช้ฝ่ายนิติบัญญัติให้เป็นประโยชน์ก็จะได้ความเห็นประกอบที่รอบคอบ ถ้วนถี่ มีความสมบูรณ์ และมีการยอมรับกว้างขวาง แต่ถ้าคิดว่ามีเสียงข้างมากอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องรับฟังก็ทำได้ แต่ก็จะเกิดท่ามกลางความแคลงใจหลายฝ่าย ทั้งนี้ ขอให้รัฐบาลแสดงจุดยืนให้ชัดเจนว่ากองทุนคุ้มครองเงินฝากของสถาบันการเงิน เมื่อมีเงินต่ำกว่าเป้าหมายรัฐบาลจะมีหลักประกันใดกับผู้ฝากเงิน และพรรคประชาธิปัตย์ก็จะติดตามผลกระทบที่อาจเกิดกับประชาชนต่อไป”
ด้าน นายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังรับฟังคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญกรณี พ.ร.ก.2 ฉบับ ว่า เราเคารพผลคำวินิจฉัยของศาลและคงจะไปแสดงความคิดเห็นกันต่อไปในสภาฯ หลังจากนี้ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อวางระบบบริหารจัดการน้ำ และสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ.2555 (3.5 แสนล้านบาท) รัฐบาลควรที่จะต้องเสนอกรอบการใช้เงินให้กับสภาฯ ได้พิจารณาก่อนที่จะดำเนินการยืมเงินได้ ทั้งนี้เราไม่ได้ติดใจกับผลวินิจฉัยของศาล เพราะการที่เรายื่น พ.ร.ก.ทั้งสองฉบับให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เนื่องจากเชื่อว่า ร่างทั้ง 2 ฉบับน่าจะมีการพิจารณาตามขั้นตอนปกติในการตรา พ.ร.บ.และให้ฝ่ายนิติบัญญัติร่วมทำงานตรวจสอบความถูกต้องในรายละเอียดทั้ง 2 ฉบับ และเมื่อศาลมีคำวินิฉัยแล้ว ก็คงจะไม่ดำเนินการยื่นถอดถอนรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 270 อย่างไรก็ตาม ฝ่ายค้านยังมีความกังวลว่ามาตรฐานนี้ เป็นการให้สิทธิและอำนาจกับฝ่ายบริหาร สามารถตรากฎหมายได้โดยไม่ต้องให้ฝ่ายนิติบัญญัติทำหน้าที่ตรวจสอบ และคิดว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย แต่ก็เคารพในคำวินิจฉัยของศาล ทั้งนี้ รัฐบาลต้องระมัดระวังการออกกฎหมาย เนื่องจากมีฝ่ายค้านและวุฒิสภา ทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลในลักษณะที่ผ่านมาโดยอาศัยตัวบทกฎหมาย ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้แทนประชาชนในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล
เมื่อถามว่า ผลคำวินิจฉัยในวันนี้ของศาลรัฐธรรมนูญอาจจะทำให้รัฐบาลออก พ.ร.ก.ในส่วนที่ตนเองได้ประโยชน์หรือไม่ นายกรณ์ กล่าวว่า จากผลคำวินิจฉัยในวันนี้อาจจะทำให้รัฐบาลมีความมั่นใจมากขึ้นในอนาคตที่จะหลีกเลี่ยงการตรวจสอบกฎหมายในสภาฯ ซึ่งโอกาสที่ทุกรัฐบาลจะกู้เงินมาใช้โดยไม่ต้องผ่านการตรวจสอบของรัฐสภา ซึ่งจะเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับรัฐบาล ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อระบบการคลังของประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงเป็นสาเหตุที่ทางพรรคประชาธิปัตย์มายื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพราะถ้ามีการวินิจฉัยออกมาในลักษณะดังกล่าวนี้อาจจะเป็นบรรทัดฐานต่อรัฐบาลต่อๆ ไปได้
ด้าน นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวขอบคุณศาลรัฐธรรมนูญที่เข้าใจถึงความจำเป็นของคณะรัฐมนตรีในการตรา พ.ร.ก.ซึ่งการวินิจฉัยของศาลจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและภาคเศรษฐกิจถึงการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล โดยในส่วนของกระทรวงการคลังที่จะเป็นผู้รับผิดชอบในการก็เงินครั้งนี้ได้มีการเตรียมแผนการดำเนินการต่างๆ ไว้ทั้งหมดแล้วซึ่งจะมีการเสนอให้ รมว.คลัง ลงนาม และพร้อมที่จะเสนอ ครม.ในการประชุมสัปดาห์หน้า โดยในเรื่องของการกู้เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมจะต้องรอคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน (กยน.) พิจารณาว่ามีโครงการใดบ้างที่จะเข้าข่ายการใช้เงินกู้ตาม พ.ร.ก.ดังกล่าวนี้ ซึ่งการกู้ในส่วนนี้น่าจะเป็นการกู้ภายในประเทศและดำเนินการในลักษณะของการออกพันธบัตร ส่วนการแก้ไขปัญหาหนี้สาธารณะที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยจะทำให้เกิดความเชื่อมั่นกับต่างประเทศ ว่า ต่อไปการกู้เงินต่างประเทศของรัฐจะเป็นไปอย่างมีวินัยว่าและการใช้จ่ายจะไม่เป็นภาระของภาครัฐที่จะดำเนินการชดใช้
นายอารีพงศ์ กล่าวต่อว่า ส่วนอัตราค่าธรรมเนียมที่จะมีการเรียกเก็บจากธนาคารพาณิชย์นั้นและธนาคารของรัฐ ยืนยันว่าจะอยู่ในอัตราที่เท่าเทียมกัน แต่จะมีจำนวนเท่าใดและมีกระบวนการอย่างไรคงต้องรอการอนุมัติจาก ครม.ก่อน ทั้งนี้ การกู้เงินทั้งหมดคงจะทำแล้วเสร็จไม่เกินเดือน มิ.ย.ในปีหน้า