ผบ.ตร.สั่ง บช.น.คุมเข้มรับมือม็อบศุกร์ 13 สั่งนอกเครื่องแบบออกสืบข่าวรอบบริเวณ เตรียมแก๊สน้ำตาพร้อมแผนควบคุมฝูงชนไว้รองรับ ประเมินสถานการณ์ไม่น่ารุนแรง โวเอาอยู่แน่นอน!
วันนี้ (12 ก.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. เปิดเผยความคืบหน้าถึงมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยบริเวณโดยรอบศาลรัฐธรรมนูญ ที่จะมีประชาชนมารอฟังการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 จะเข้าข่ายเป็นการล้มล้างการปกครองตามมาตรา 68 หรือไม่ ในวันศุกร์ที่ 13 ก.ค.นี้ว่า ขณะนี้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. มีคำสั่งให้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รอง ผบ.ตร. มาควบคุมดูแลงานรักษาความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด โดยทาง บช.น.ได้จัดเตรียมกำลังดูแลความเรียบร้อยบริเวณรอบศาลรัฐธรรมนูญ 3 กองร้อย และเจ้าหน้าที่จากกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน (บก.อคฝ.) อีก 3 กองร้อย เตรียมพร้อมไว้เคลื่อนที่เร็วตลอดเวลา นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบไว้สืบสวนหาข่าวไว้อีกด้วย
พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าวว่า วันนี้ เวลา 14.00 น. เจ้าหน้าที่จะมีการซักซ้อมแผนรักษาความปลอดภัยที่หน้าศาลรัฐธรรมนูญ รวมทั้งได้เตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งหน้ากากกันแก๊ส และแก๊สน้ำตาเอาไว้ด้วยเพื่อรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดความรุนแรงขึ้น โดยยืนยันว่าจะปฏิบัติตามขั้นตอนมาตรฐาน
พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าวอีกว่า เชื่อว่าไม่น่าจะมีสถานการณ์รุนแรงแต่อย่างใด กำลังตำรวจที่มีอยู่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้แน่นอน อีกทั้งตนจะลงไปกำกับดูแลเหตุการณ์ด้วยตนเองอย่างใกล้ชิด
วันนี้(12 ก.ค.)ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) เป็นประธานการมอบถ้วยรางวัลชนะเลิศ โล่ เหรียญรางวัลแก่ตำรวจที่ชนะการทดสอบยิงปืน ประจำปี 2555 จากนั้นให้สัมภาษณ์ ถึงสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของมวลชน ที่เป็นผลกระทบจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 13 กรกฎาคม ว่า สถานการณ์จะเป็นอย่างไรต้องดูผลการวินิจฉัย ซึ่งเป็นเงื่อนไขของสถานการณ์ว่าจะมีแนวโน้มอย่างไร ขณะนี้ยังไม่มีอะไรน่าห่วง ทั้งนี้ตำรวจเตรียมกำลังไว้ที่ศาลรัฐธรรมนุญ และบ้านพักของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จนถึงขณะนี้ยังไม่มีข่าวในทางที่ไม่ดี ต้องรอฟังคำวินิจฉัยก่อน ตนไม่สามารถพูดได้ว่าจะมีการตัดสินถึงขั้นส่งผลต่อพรรคการเมืองและมวลชนหรือไม่ พูดก่อนศาลจะพิจารณาไม่ได้ ในส่วนของตำรวจก็เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ ทุกแบบ หากมีสถานการณ์วุ่นวายหลังคำวินิฉัยออกมากำลังตำรวจพร้อมรับอยู่แล้ว คิดว่ากำลังตำรวจ 13 กองร้อยเพียงพอรับสถานการณ์ ไม่อยากให้มองว่าสถานการณ์จะรุนแรงมาก จะก่อให้เกิดความตระหนก ตอนนี้ยังไม่มีอะไร
ถามถึงการดูแลตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หลังแกนนำเสื้อแดงบางคน ออกมาประกาศให้จับตัวตุลาการ และปลุกระดมมวลชน ผบ.ตร. กล่าวว่า ตนคิดว่าไม่มีใครคิดทำเช่นนั้น จะไปจับท่านเรื่องอะไร ตนว่าคงไม่เกิดเหตุแบบนั้น ไม่น่ามี อย่างไรก็ตามขณะนี้ต้องรอผลการวินิจฉัย ไม่มีคำสั่งถึงขั้นให้ทุกหน่วย หรือจังหวัดไหนเฝ้าระวัง แต่เป็นขณะนี้ตำรวจมีการเตรียมความพร้อม หากมีความเคลื่อนไหวใดตำรวจก็พร้อมออกมาปฏิบัติ
รายงานข่าวด้านความมั่นคงแจ้งว่า ขณะนี้กลุ่มมวลชนสีแดงได้มีการเตรียมความพร้อมในการออกมาเคลื่อนไว้ โดยได้มีการติดต่อกันระหว่างแกนนำในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะจังหวัด เพื่อนัดแนะจุดที่จะรวมพลกัน แต่จนถึงขนาดนี้ยังไม่ได้มีการจัดเตรียมกำลังแต่อย่างใด หากผลตัดสินแนวโน้มออกมาในทางลบว่าการแก้รัฐธรรมนูญเข้าข่ายล้มล้างการปกครองม.68 อาจถึงขั้นยุบพรรคเพื่อไทย ส่วนบริเวณกทม.นั้น มีเพียงบางกลุ่มที่จะไปเคลื่อนไหวคาดว่าจะมีเพียงของกลุ่มของนายชินวัตร หาบุญพาด แกนนำกลุ่มแท็กซี่เสื้อแดง ซึ่งไม่ลงรอยกับนางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ โดยมีเพียงแค่ 200 - 300 คน ส่วนใหญ่จะเป็นเจ้าของอู่มวลชนเสื้อแดง ที่เป็นการออกมาแสดงพลังเพียงเท่านั้น จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการข่าวรายงานว่าจะมีเหตุความรุนแรงแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม หากออกมาว่าผิดรับธรรมนูญ ม.291 ให้แก่บางมาตรานั้น ก็จะทำให้รัฐบาลยังคงอยู่ รวมถึงสามารถปรับเปลี่ยนตัวของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเดือนสิงหาคม ทั้งนี้ ต้องรอหลังฟังผลหลังจากการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ
วันนี้ (12 ก.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. เปิดเผยความคืบหน้าถึงมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยบริเวณโดยรอบศาลรัฐธรรมนูญ ที่จะมีประชาชนมารอฟังการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 จะเข้าข่ายเป็นการล้มล้างการปกครองตามมาตรา 68 หรือไม่ ในวันศุกร์ที่ 13 ก.ค.นี้ว่า ขณะนี้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. มีคำสั่งให้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รอง ผบ.ตร. มาควบคุมดูแลงานรักษาความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด โดยทาง บช.น.ได้จัดเตรียมกำลังดูแลความเรียบร้อยบริเวณรอบศาลรัฐธรรมนูญ 3 กองร้อย และเจ้าหน้าที่จากกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน (บก.อคฝ.) อีก 3 กองร้อย เตรียมพร้อมไว้เคลื่อนที่เร็วตลอดเวลา นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบไว้สืบสวนหาข่าวไว้อีกด้วย
พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าวว่า วันนี้ เวลา 14.00 น. เจ้าหน้าที่จะมีการซักซ้อมแผนรักษาความปลอดภัยที่หน้าศาลรัฐธรรมนูญ รวมทั้งได้เตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งหน้ากากกันแก๊ส และแก๊สน้ำตาเอาไว้ด้วยเพื่อรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดความรุนแรงขึ้น โดยยืนยันว่าจะปฏิบัติตามขั้นตอนมาตรฐาน
พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าวอีกว่า เชื่อว่าไม่น่าจะมีสถานการณ์รุนแรงแต่อย่างใด กำลังตำรวจที่มีอยู่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้แน่นอน อีกทั้งตนจะลงไปกำกับดูแลเหตุการณ์ด้วยตนเองอย่างใกล้ชิด
วันนี้(12 ก.ค.)ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) เป็นประธานการมอบถ้วยรางวัลชนะเลิศ โล่ เหรียญรางวัลแก่ตำรวจที่ชนะการทดสอบยิงปืน ประจำปี 2555 จากนั้นให้สัมภาษณ์ ถึงสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของมวลชน ที่เป็นผลกระทบจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 13 กรกฎาคม ว่า สถานการณ์จะเป็นอย่างไรต้องดูผลการวินิจฉัย ซึ่งเป็นเงื่อนไขของสถานการณ์ว่าจะมีแนวโน้มอย่างไร ขณะนี้ยังไม่มีอะไรน่าห่วง ทั้งนี้ตำรวจเตรียมกำลังไว้ที่ศาลรัฐธรรมนุญ และบ้านพักของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จนถึงขณะนี้ยังไม่มีข่าวในทางที่ไม่ดี ต้องรอฟังคำวินิจฉัยก่อน ตนไม่สามารถพูดได้ว่าจะมีการตัดสินถึงขั้นส่งผลต่อพรรคการเมืองและมวลชนหรือไม่ พูดก่อนศาลจะพิจารณาไม่ได้ ในส่วนของตำรวจก็เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ ทุกแบบ หากมีสถานการณ์วุ่นวายหลังคำวินิฉัยออกมากำลังตำรวจพร้อมรับอยู่แล้ว คิดว่ากำลังตำรวจ 13 กองร้อยเพียงพอรับสถานการณ์ ไม่อยากให้มองว่าสถานการณ์จะรุนแรงมาก จะก่อให้เกิดความตระหนก ตอนนี้ยังไม่มีอะไร
ถามถึงการดูแลตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หลังแกนนำเสื้อแดงบางคน ออกมาประกาศให้จับตัวตุลาการ และปลุกระดมมวลชน ผบ.ตร. กล่าวว่า ตนคิดว่าไม่มีใครคิดทำเช่นนั้น จะไปจับท่านเรื่องอะไร ตนว่าคงไม่เกิดเหตุแบบนั้น ไม่น่ามี อย่างไรก็ตามขณะนี้ต้องรอผลการวินิจฉัย ไม่มีคำสั่งถึงขั้นให้ทุกหน่วย หรือจังหวัดไหนเฝ้าระวัง แต่เป็นขณะนี้ตำรวจมีการเตรียมความพร้อม หากมีความเคลื่อนไหวใดตำรวจก็พร้อมออกมาปฏิบัติ
รายงานข่าวด้านความมั่นคงแจ้งว่า ขณะนี้กลุ่มมวลชนสีแดงได้มีการเตรียมความพร้อมในการออกมาเคลื่อนไว้ โดยได้มีการติดต่อกันระหว่างแกนนำในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะจังหวัด เพื่อนัดแนะจุดที่จะรวมพลกัน แต่จนถึงขนาดนี้ยังไม่ได้มีการจัดเตรียมกำลังแต่อย่างใด หากผลตัดสินแนวโน้มออกมาในทางลบว่าการแก้รัฐธรรมนูญเข้าข่ายล้มล้างการปกครองม.68 อาจถึงขั้นยุบพรรคเพื่อไทย ส่วนบริเวณกทม.นั้น มีเพียงบางกลุ่มที่จะไปเคลื่อนไหวคาดว่าจะมีเพียงของกลุ่มของนายชินวัตร หาบุญพาด แกนนำกลุ่มแท็กซี่เสื้อแดง ซึ่งไม่ลงรอยกับนางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ โดยมีเพียงแค่ 200 - 300 คน ส่วนใหญ่จะเป็นเจ้าของอู่มวลชนเสื้อแดง ที่เป็นการออกมาแสดงพลังเพียงเท่านั้น จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการข่าวรายงานว่าจะมีเหตุความรุนแรงแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม หากออกมาว่าผิดรับธรรมนูญ ม.291 ให้แก่บางมาตรานั้น ก็จะทำให้รัฐบาลยังคงอยู่ รวมถึงสามารถปรับเปลี่ยนตัวของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเดือนสิงหาคม ทั้งนี้ ต้องรอหลังฟังผลหลังจากการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ