ผบ.ทบ.ระบุ เหตุบึ้มกรุง 3 จุด เป็นการเตือนภัย เราต้องเจออะไรบ้างจากโลกไร้พรมแดน เชื่อ ไทยยังไม่ใช่พื้นที่ก่อการร้าย วอนช่วยกันเป็นหูเป็นตา อย่าตื่นตระหนก เตือนสื่อกระพือข่าวไปเรื่อยๆ จะทำให้ไทยมีศัตรูมากขึ้น จี้ ผู้ประกอบการลงทะเบียนผู้เช่า ย้ำ เจ้าหน้าที่ไม่ได้ประเมินสถานการณ์ต่ำ เพราะได้แจ้งเตือนมาก่อนแล้ว
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงการดูแลด้านความมั่นคง หลังเกิดเหตุชาวอิหร่านระเบิดใน กทม.3 จุด ว่า ปัญหาการก่อการร้ายมีทั้งโลก เนื่องจากปัจจุบันเป็นโลกไร้พรมแดน จึงมีคนหลายประเภททั้งมีอุดมการณ์และไม่มีอุดมการณ์ซึ่งประเทศไทยอยู่ห่างจากเรื่องพวกนี้และไกลจากต้นเหตุ เวลาเกิดขึ้นกับประเทศไทยแต่ละครั้งทำให้เป็นที่น่าตื่นตระหนกและส่งผลกระทบกับประเทศชาติ
โดยรวมสิ่งที่ควรทำในเวลานี้ คือ ปล่อยให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการสอบสวนและสืบหาสาเหตุผู้กระทำผิด หากผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการทางกฎหมายถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ต้องช่วยกันดูแลโดยเฉพาะพฤติกรรม ลับๆ ล่อๆ อย่ามองเพียงแค่เรื่องเศรษฐกิจอย่างเดียว ในส่วนของผู้ประกอบการต้องตรวจสอบผู้ที่มาพักอาศัยถ้าไม่ทำ และเกิดเรื่องก็มาโทษเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงล้มเหลว ต่อไปนี้โรงแรม ที่พักอาศัยจะต้องลงชื่อ เอาบัตรประชาชนลงทะเบียน เมื่อทำความผิดจะได้รู้ว่าเป็นใครและจับได้ ถ้าไม่สนใจจะเป็นอย่างนี้
“ถ้าเราช่วยกันพูดและกระพือข่าวกันออกไปเรื่อยๆ สิ่งที่จะตามมาคือเราจะมีศัตรูมากขึ้น ซึ่งเราต้องระมัดระวังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการเตือนภัย ว่า ประเทศไทยต้องเจออะไรบ้างในอนาคต ที่ผ่านมาเราอาจจะสบายมีคนมาท่องเที่ยวและไม่เคยเกิดความรุนแรง แต่ยุคนี้โอกาสจะเกิดมีมากมาย เพราะเป็นโลกไร้พรหมแดน เพราะมีการเข้ามาโดยการสัญจรข้ามแดน ซึ่งจะมีกติกา และการมุ่งสู่อาเซียนในปี 2558 ทำให้การสัญจรไปมาง่ายขึ้น และข้อสำคัญต้องยอมรับว่าบ้านเมืองเราเรื่องความเข้มงวดทำได้ค่อนข้างจำกัด ถ้าไม่อยากให้เหตุการณ์รุนแรง และไม่อยากให้คนร้ายมากขึ้นในประเทศไทยต้องช่วยกัน เปิดหูเปิดตาเฝ้าระวังและไม่ใช่ความผิดหรือเจ้าหน้าที่จะโยนความรับผิดชอบ เพียงแต่เจ้าหน้าที่จะได้ทำงานได้เต็มที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ กทม.มี 8 หมื่นกว่าคน และยังมีโจรปล้น จะมาบอกให้เจ้าหน้าที่อย่างเดียวและไม่มีปล้น ไม่มีจี้ ผมว่าทำไม่ได้ คน กทม.10 ล้านคน 10 ล้านคู่สายตา ช่วยกันดูจึงจะไม่เกิดเหตุ”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า งานด้านการข่าว ทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นทหาร ตำรวจก็มีข่าวในเรื่องนี้ ซึ่งแบ่งงานตามความรับผิดชอบ อันไหนคือข่าวในประเทศ ข่าวก่อการร้าย ข่าวชายแดน ข่าวกรองทางการรบ เป็นการแบ่งเจ้าหน้าที่ข่าวออกจากกัน ไม่ใช่ว่าคนนี้จะต้องรู้ทุกเรื่อง แต่เมื่อทุกฝ่ายมีข้อมูลก็มาประชุมร่วมกัน เรียกว่า ประชาคมข่าวกรอง และจะกระจายข่าวช่วยกันดูแล
“อย่างผมเป็นทหารก็จะรับข่าวนี้มา เพราะตนไม่มีเจ้าหน้าที่ติดตามข่าวโดยตรงต้องไปรับข่าวมาและจัดเจ้าหน้าที่ไปเฝ้าระวัง ดูแลพิสูจน์ทราบช่วยกันทุกส่วน ถ้าไม่แบ่งงานกันทำไม่เพียงพอ และไม่ได้เป็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ข่าว ไม่มีใครรู้ หรือทราบว่ากลุ่มที่จะก่อเหตุจะดำเนินการวันไหน ถ้าเจ้าหน้าที่รู้เขาก็ไม่ทำจะทำในที่ที่เจ้าหน้าที่ไม่รู้ หรือหย่อนยาน จุดอ่อนด้อยวันนี้ประเทศไทยไม่ใช่พื้นที่ที่มีการก่อการร้ายเป็นหลักหรือเป็นพื้นที่ที่มีผลกระทบโดยตรง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ภาครัฐประเมินสถานการณ์ต่ำเกินไปหรือไม่ และจะทำอย่างไรให้ประเทศไทยไม่กลายเป็นคู่ขัดแย้ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะใช้คำว่าต่ำคงไม่ได้ เพราะมีการเตือนภัยมาล่วงหน้ากันก่อน และที่ผ่านมา ก็ไม่มีเหตุการณ์ใดที่จะเตือนภัยมาล่วงหน้า และเหตุการณ์ครั้งนี้ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าเชื่อมโยงในเรื่องใดทั้งสิ้นต้องติดตามต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งต้องรอผลการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งก็ได้ตัวผู้ร่วมก่อเหตุมากขึ้น ต้องหาว่าเขาทำเพื่ออะไร ถ้าเราค่อยๆ ทำความเข้าใจ สืบหาคิดว่าจะแก้ปัญหาได้และไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก อย่าตื่นตระหนกเพราะเราจะทำอะไรไม่ได้ หุ้นตก ค้าขายเสียหาย
ดังนั้น ต้องทำทั้ง 2 อย่างควบคู่กัน ประเทศชาติจะก้าวหน้าอย่าลืมนึกถึงความมั่นคงด้วย ถ้าคิดถึงแต่เศรษฐกิจหรือจะพัฒนาอย่างเดียว ไม่สนใจว่าต้องมีเจ้าหน้าที่เท่าไหร่ ใครดูแล ต้องให้สัดส่วนตามกันไปเหมือนกับว่า ถ้าประเทศชาติเข้มแข็ง ก็ต้องมีกำลังที่เข้มแข็งไว้คอยดูแล ทั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องความมั่นคงคนดีส่งเสริม คนไม่ดีคัดออก เอาคนใหม่เข้ามา บ้านเมืองจะดีขึ้นเรื่อยๆ ต้องช่วยกัน
คลิกที่นี่ เพื่อฟังคลิปเสียง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา